วันอังคารที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2561

กาแฟมีประโยชน์หรือโทษกันแน่

สวัสดีค่ะวันนี้ เรามาดูกันว่ากาแฟมีประโยชน์หรือโทษมากกว่ากัน
กาแฟเป็นส่วนหนึ่งของผู้คนมากมายที่ใช้ชีวิตแบบเร่งรีบของคนสมัยนี้ บางคนดื่มกาแฟตอนเช้า บางคนดื่มเมือมีอาการง่วง หรือบางคนอาจใช้กาแฟในการรับรองแขก หรือช่วงเบรก ในการประชุม อบรมสำมนา
  ดังนั้นเราจะเห็นได้ว่ากาแฟเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของเรามากเลยทีเดียว
  กาแฟมีทั้งประโยชน์และโทษแล้วแต่การใช้ปริมาณมากน้อยต่างกัน


ประโยชน์ของกาแฟที่มีต่อสุขภาพ
1. เพิ่มความตื่นตัวของสมอง การดื่มกาแฟ ชา และเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนทั้งหลายตลอดวันดูเหมือนจะช่วยเพิ่มความตื่นตัวของร่างกายและสมอง ปลุกความสดชื่นให้สมองปลอดโปร่ง โดยหลายงานวิจัยชี้ว่าการได้รับคาเฟอีนสามารถช่วยเพิ่มความกระปรี้กระเปร่าในระหว่างวัน เช่น การศึกษาหนึ่งที่ให้ผู้เข้าร่วมทดลองสุขภาพดีรับคาเฟอีน 250 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง ตอน 9 โมงเช้าและบ่ายโมง เป็นเวลานาน 3 วัน ซึ่งพบว่าคาเฟอีนช่วยลดความง่วง เพิ่มความตื่นตัวและความจดจ่อในช่วงระหว่างวันได้ดี
2. ป้องกันหรือชะลอการเกิดโรคพาร์กินสัน จากงานวิจัยทั้งหมดที่มี ประสิทธิภาพของคาเฟอีนในการลดความเสี่ยงโรคพาร์กินสันในเพศชายจะขึ้นอยู่กับปริมาณกาแฟที่ได้รับ โดยการดื่มกาแฟที่มีคาเฟอีน 3-4 แก้วต่อวันนั้นพบว่าช่วยให้ความเสี่ยงลดน้อยลงมาก แต่การดื่มเพียง 1-2 แก้วต่อวันก็ช่วยลดอัตราเสี่ยงได้อย่างมีนัยสำคัญเช่นกัน  สำหรับผู้หญิง ปริมาณคาเฟอีนที่ได้รับไม่ได้มีผลต่อระดับความเสี่ยงมากนัก โดยการดื่มกาแฟที่มีคาเฟอีน 1-3 แก้วต่อวันจะให้ผลดีที่สุดในการรับมือกับโรคพาร์กินสัน นอกจากนี้ผลการศึกษาที่น่าสนใจยังพบว่าการดื่มกาแฟจะไม่มีผลต่อการลดโอกาสเสี่ยงจากโรคนี้ในผู้ที่มีพฤติกรรมสูบบุหรี่ทั้งเพศชายและเพศหญิง
3. ป้องกันโรคนิ่วในถุงน้ำดี การดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนอย่างกาแฟอย่างน้อยวันละ 400 มิลลิกรัมดูเหมือนจะมีส่วนช่วยลดการเกิดโรคนี้ได้ โดยจากการศึกษาในผู้ที่ไม่เคยมีประวัติป่วยด้วยโรคนิ่วในถุงน้ำดีมาก่อนจำนวนหลายพันคน ปรากฏว่าความเสี่ยงต่อโรคทั้งชายและหญิงจะยิ่งลดลงเมื่อได้รับคาเฟอีนในปริมาณที่มากขึ้น โดยการดื่มกาแฟวันละ 800 มิลลิกรัม หรือเทียบเท่ากับกาแฟประมาณ 4 แก้วขึ้นไปต่อวันจะให้ผลดีในการป้องกันการเกิดนิ่วในถุงน้ำดีได้ดีที่สุด
4. ป้องกันโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และลำไส้ตรง งานวิจัยหนึ่งที่มีผู้เข้าร่วมทดลอง 5,145 คน ดื่มกาแฟวันละ 1 หน่วยบริโภค วันละไม่เกิน 2 หน่วยบริโภค วันละ 2-2.5 หน่วยบริโภค หรือวันละ 2.5 หน่วยบริโภคขึ้นไป ผลการศึกษาชี้ว่าปริมาณการดื่มกาแฟที่มากขึ้นจะยิ่งช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่และลำไส้ตรง และยังมีบางงานวิจัยที่กล่าวแนะนำประสิทธิภาพของกาแฟต่อการป้องกันโรคนี้ว่าการรับประทานกาแฟวันละ 3 แก้วอาจช่วยลดโอกาสเสี่ยงมะเร็งลำไส้ใหญ่และลำไส้ตรงได้อย่างมีนัยสำคัญ
3. ป้องกันโรคเบาหวาน จากการศึกษาประสิทธิภาพในการป้องกันการเกิดโรคเบาหวานชนิดที่ 2 กาแฟอาจมีส่วนช่วยได้อย่างมีนัยสำคัญ เช่น งานวิจัยหนึ่งที่ศึกษากับผู้ที่ไม่มีโรคเบาหวาน มะเร็ง หรือโรคหัวใจและหลอดเลือด แล้วพบว่าการดื่มกาแฟในระยะยาวมีส่วนช่วยยับยั้งการเกิดโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ได้อย่างมีนัยสำคัญ หรือการทดลองในกลุ่มผู้ที่เสี่ยงต่อโรคเบาหวาน ที่พบว่าการดื่มกาแฟโดยไม่ใส่น้ำตาลหรือครีมเทียมอย่างน้อยวันละ 3 ครั้งต่อวันให้ผลดีที่สุดในการป้องกันการเกิดโรคเบาหวานในกลุ่มที่เสี่ยงต่อโรค
 โทษหรือผลข้างเคียงจากการดื่มกาแฟ
  • กาแฟประกอบด้วยสารคาเฟอีนที่สามารถก่อให้เกิดอาการนอนไม่หลับ กระสับกระส่าย กระวนกระวาย อาหารไม่ย่อย คลื่นไส้ อาเจียน หัวใจเต้นเร็ว หายใจถี่ และผลข้างเคียงอื่น ๆ
  • การดื่มกาแฟในปริมาณมากอาจทำให้ปวดศีรษะ กระสับกระส่าย วิตกกังวล ได้ยินเสียงดังในหู หรือหัวใจเต้นผิดจังหวะได้
  • การได้รับกาแฟวันละ 6 แก้วอาจทำให้เกิดการเสพติดกาแฟ ซึ่งอาจส่งผลให้มีอาการวิตกกังวลหรือกระสับกระส่าย
  • การดื่มกาแฟจนติดเป็นเป็นนิสัยอาจส่งผลให้ขาดกาแฟไม่ได้ และอาจมีอาการที่เกิดจากการขาดคาเฟอีนหากเลิกดื่มกาแฟอย่างฉับพลัน
  • กาแฟที่ชงแบบไม่กรองอาจมีปริมาณคอเลสเตอรอล ไขมันชนิดไม่ดี และระดับไขมันไตรกลีเซอร์ไรด์โดยรวมมากกว่ากาแฟชนิดอื่น ซึ่งจะยิ่งเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ ทางที่ดีจึงควรดื่มกาแฟชงแบบกรองเพื่อลดคอเลสเตอรอลเหล่านี้
  • มีข้อกังวลว่าการดื่มกาแฟมากกว่า 5 แก้วต่อวันอาจเป็นอันตรายต่อผู้ป่วยโรคหัวใจ(https://www.pobpad.com/โรคหัวใจ) แต่สำหรับผู้ที่ไม่ได้ป่วยด้วยโรคหัวใจนั้น การดื่มกาแฟหลาย ๆ แก้วต่อวันไม่ได้เป็นปัจจัยเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจแต่อย่างใด
  • เป็นที่กังวลเช่นกันว่าการดื่มกาแฟเป็นครั้งคราวอาจเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจล้มเหลวเฉียบพลันได้ในบางคน นอกจากนี้ผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจสูงและดื่มกาแฟทุกวันแต่ไม่เกินวันละ 1 แก้วยังอาจมีโอกาสเสี่ยงต่อภาวะกล้ามเนื้อหัวใจล้มเหลวเฉียบพลันสูงขึ้นเช่นกัน โดยจะเกิดขึ้นภายใน 1 ชั่วโมงหลังจากการดื่มกาแฟ ในขณะที่ผู้ที่ดื่มกาแฟเป็นประจำในปริมาณที่มากกว่านั้นดูเหมือนจะไม่มีความเสี่ยงต่อภาวะนี้
  • การใช้กาแฟสวนทางทวารอาจไม่ปลอดภัย เพราะสามารถเกิดผลข้างเคียงร้ายแรงตามมาจนถึงขั้นเสียชีวิตได้
บุคคลที่ควรระมัดระวังในการดื่มกาแฟ
  • หญิงที่ตั้งครรภ์ควรได้รับคาเฟอีนไม่เกิน 200 มิลลิกรัมต่อวัน หรือเทียบเท่ากับกาแฟสำเร็จรูปไม่เกิน 2 แก้ว หรือเท่ากับกาแฟชงสด 1 แก้ว หากได้รับกาแฟมากกว่านี้อาจเพิ่มโอกาสเสี่ยงต่อการแท้งบุตร คลอดก่อนกำหนด และทารกมีน้ำหนักตัวแรกคลอดน้อยได้ โดยยิ่งได้รับกาแฟมากเท่าใดก็ยิ่งมีความเสี่ยงสูงขึ้น
  • การดื่มกาแฟวันละ 1-2 แก้วดูเหมือนจะไม่เป็นอันตรายสำหรับแม่ที่ต้องให้นมบุตรและทารก แต่การดื่มกาแฟในปริมาณมากอาจส่งผลต่อระบบย่อยอาหารของทารก อีกทั้งทำให้เด็กนอนไม่หลับและเกิดอาการหงุดหงิดฉุนเฉียวได้
  • การให้เด็กดื่มกาแฟอาจไม่ปลอดภัย เพราะอาจมีผลข้างเคียงจากการดื่มที่รุนแรงมากกว่าในผู้ใหญ่
  • ผู้ป่วยโรควิตกกังวลอาจมีอาการวิตกกังวลที่แย่ลงได้จากการดื่มกาแฟ
  • ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับการมีเลือดออกผิดปกติ การดื่มกาแฟอาจยิ่งทำให้อาการแย่ลงได้
  • การดื่มกาแฟต้มจะยิ่งทำให้ได้รับคอเลสเตอรอลและไขมันชนิดอื่น ๆ ในเลือดสูงขึ้น รวมถึงระดับโฮโมซีสเตอีน (Homocysteine) ในร่างกายที่อาจจะสัมพันธ์กับการเกิดโรคหัวใจ และยังมีงานวิจัยที่ชี้ว่าการดื่มกาแฟนั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน
  • บางงานวิจัยแนะนำว่าสารคาเฟอีนที่มีอยู่ในกาแฟอาจส่งผลให้เกิดความเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยโรคเบาหวาน โดยมีรายงานว่ากาแฟอาจไปเพิ่มหรือลดระดับน้ำตาลในเลือดก็ได้ ผู้ป่วยโรคเบาหวานจึงควรใช้กาแฟอย่างระมัดระวังและหมั่นตรวจระดับน้ำตาลในเลือด
  • การดื่มกาแฟอาจส่งผลให้ผู้ป่วยที่มีภาวะความดันโลหิตสูงอยู่แล้วมีระดับความดันโลหิตสูงยิ่งขึ้น ทั้งนี้ผู้ที่ดื่มกาแฟเป็นประจำอยู่แล้วอาจได้รับผลกระทบนี้น้อยกว่า
  • ผู้ป่วยโรคต้อหินไม่ควรดื่มกาแฟที่มีคาเฟอีน เพราะอาจทำให้ความดันภายในดวงตาสูงขึ้น โดยจะเพิ่มขึ้นตั้งแต่ภายใน 30 นาทีแรกและคงอยู่อย่างน้อย 90 นาที
  • การดื่มกาแฟที่มีคาเฟอีนอาจทำให้แคลเซียมถูกขับออกทางปัสสาวะมากขึ้นจนกระดูกอ่อนแอลง ผู้ป่วยโรคกระดูกพรุนจึงควรจำกัดปริมาณการดื่มกาแฟในแต่ละวันไม่ให้เกิน 300 มิลลิกรัมต่อวัน หรือประมาณ 2-3 แก้ว และอาจรับประทานแคลเซียมเสริมเพื่อทดแทนแคลเซียมที่สูญเสียไป
  • ผู้ที่มีอาการท้องเสียหรือมีโรคลำไส้แปรปรวนอยู่แล้วไม่ควรรับประทานกาแฟ เพราะสารคาเฟอีนในกาแฟอาจทำให้อาการท้องเสียหรืออาการของโรคแย่ลงกว่าเดิม โดยเฉพาะเมื่อได้รับในปริมาณมาก
  • หญิงวัยหมดประจำเดือนที่มีโรคความผิดปกติเกี่ยวกับการทำงานของวิตามินดีได้รับการถ่ายทอดทางพันธุกรรม ควรระมัดระวังในการดื่มกาแฟเป็นพิเศษ
ปฏิกิริยาของกาแฟกับยารักษาโรค
  • ห้ามดื่มกาแฟร่วมกับยาเอฟีดรีน (Ephedrine) เพราะยาชนิดนี้มีฤทธิ์กระตุ้นระบบประสาทเช่นเดียวกับกาแฟ การรับประทานควบคู่กันอาจเกิดผลข้างเคียงร้ายแรงและมีปัญหาเกี่ยวกับหัวใจได้ ทั้งนี้ยังรวมถึงผลิตภัณฑ์ใด ๆ ก็ตามที่ประกอบด้วยเอฟีดรีน
  • ไม่ควรดื่มแอลกอฮอล์ร่วมกับกาแฟ เพราะแอกอฮอล์อาจกระตุ้นให้ร่างกายย่อยคาเฟอีนรวดเร็วขึ้น ส่งผลให้มีสารคาเฟอีนในเลือดมากเกินไปจนได้รับผลข้างเคียงอย่างอาการสั่นกระตุก ปวดศีรษะ และหัวใจเต้นเร็ว
  • ยาที่ควรระมัดระวังเมื่อใช้ร่วมกับกาแฟ ได้แก่ ยาอะดีโนซีน อะเลนโดรเนท โคลซาปีน ไดไพริดาโมล ไดซัลฟิแรม เอสโตรเจน ฟลูวอกซามีน เลโวไทรอกซีน ลิเทียม ยาต้านซึมเศร้ากลุ่ม MAOIs ยาต้านซึมเศร้ากลุ่มไตรไซคลิก เพนโทบาร์บิทอล ฟีโนไทอาซีนทีโอฟิลลีน เวอราปามิล ยากระตุ้นระบบประสาท ยาต้านการแข็งตัวของเลือด และยาปฏิชีวนะ
ปริมาณการดื่มกาแฟที่ปลอดภัย
ปริมาณกาแฟที่ใช้รักษาโรคชนิดต่าง ๆ ตามที่มีการศึกษาวิจัยในปัจจุบันและพบว่าใช้ได้อย่างปลอดภัย มีดังนี้

  • การรักษาอาการปวดศีรษะ ดื่มกาแฟวันละ 250 มิลลิกรัม หรือประมาณ 2 แก้ว
  • การเพิ่มความรู้สึกตื่นตัว ดื่มกาแฟวันละ 250 มิลลิกรัม หรือประมาณ 2 แก้ว
  • การป้องกันโรคพาร์กินสัน ดื่มกาแฟที่มีคาเฟอีนวันละ 3-4 แก้ว โดยแต่ละงานวิจัยใช้กาแฟที่มีคาเฟอีนประมาณ 421-2,716 มิลลิกรัม แต่การดื่มประมาณ 124-208 มิลลิกรัม หรือประมาณ 1-2 แก้วก็อาจช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคพาร์กินสันได้อย่างมีนัยสำคัญเช่นกัน ทั้งนี้สำหรับผู้หญิงควรรับประทานประมาณวันละ 1-3 แก้วจะให้ผลดีที่สุด
  • การป้องกันโรคนิ่วในถุงน้ำดี ได้รับคาเฟอีนในปริมาณวันละ 400 มิลลิกรัมขึ้นไป หรือเทียบเท่ากับกาแฟมากกว่า 2 แก้ว อย่างไรก็ตาม การดื่มกาแฟอย่างน้อยวันละ 800 มิลลิกรัมนั้นน่าจะมีประสิทธิภาพดีที่สุด
        มีกาแฟอีกแบบหนึ่งซึ่งคนส่วนใหญ่นิยมกันมากนั่นก็คือ
                           กาแฟเพื่อสุขภาพ
        
         ซึ่งก็มีหลากหลายยี่ห้อในที่นี้ดิฉันขอยกตัวอย่างกาแฟที่ดิฉันคุ้นเคยมาหลายปีแล้วดื่มแล้วเห็นผลนั่นก็คือ กาแฟซาฟี่ สลิมไลฟ์ เป็นกาแฟเพื่อสุขภาพ และกระชับสัดส่วน


กาแฟยี่ห้อนี้เป็นกาแฟที่มีความแตกต่างจากกาแฟทั่วไปเพราะเพิ่มสารอาหารที่จำเป็น เช่นกรดอะมิโนและโครเมี่ยม ให้รสชาติที่หวานกลมกล่อม มีประโยชน์ตอสุขภาพ ช่วยลดน้ำหนักตัวและระดับน้ำตาลในเลือด ลดไชมัน และโคเลสเตอรอล ลดความเครียด เพิ่มพลังงาน  เป็นกาแฟอาราบิก้าสายพันธุ์แท้ คุณภาพเยี่ยม 
ส่วนประกอบสำคัญโดยประมาณ
           กาแฟสำเร็จรูปชนิดผง                                            32.30%
           ครีมเท่ียมจากถั่วเหลือง                                          30.10%
           คอลลาเจน                                                           9.23%
          โสมสกัด                                                               8.14%   
          ไฟเบอร์                                                                7.13%
          โครเมียม ฟิโคลิเนท                                                2.70%
          สารสกัดจากถั่วขาว                                                 2.28%
          สารสกัดจากต้นกระบองเพชร                                     2.56%
          ลูเทอิน                                                                0.50%
 *ใช้แอสปาร์แตม และอะซีซัลเฟม เค เป็นวัตถุให้ความหวานแทนน้ำตาล
วิธีรับประทาน: 1ซองต่อน้ำ  100 มล.
   * เวลาที่ควรรับประทาน :   ก่อนอาหารเช้า 1 แก้ว และ 15.00น. 1 แก้ว     
เป็นไงบ้างคะเห็นส่วนผสมที่ผสมอยู่ในกาแฟแล้วน่ารับประทานไหมคะซึ่งราคาก็ไม่แพงอย่างที่คิดเพียงกล่องละ 200 บาทเท่านั้นเองถ้าคิดเป็นแก้วก็ตกแก้วละ 20 บาทถูกกว่ากาแฟที่ชงขายกันเสียด้วยซ้ำและยี่ห้อนี้ดีอย่างหนึ่งถ้าเราอยากได้ราคาถูกกว่านี้เราก็เป้นสมาชิก และก็จะได้ราคาที่ถูกลงแถมบางช่วงยังมีโปรโมชั่น 10 กล่องแถม 1 กล่องด้วย ดีจริงๆ  ว่าแล้วจะหาว่าโม้เรามาดูตัวอย่างคนที่ดื่มกาแฟแล้วเกิดการเปลี่ยนแปลงกันบ้าง

                        

                         ตัวอย่าง



ผู้หญิงคนนี้มีอาชีพขายลูกชิ้นทอดตามตลาดนัด ด้วยอาชีพที่เธอต้องเจอน้ำมันตลอดทำให้เธออ้วนหลังจากที่ได้ดื่มกาแฟ วันละ 2 ซองเป็นเวลา 2 เดือนน้ำหนักจาก 69 กิโลกรัมลดลงเหลือ 57 กิโลกรัม จะเห็นว่ากาแฟตัวนี้ควบคุมน้ำหนักให้ลงแบบธรรมชาติ ไม่ใช่ ลดลงแบบผิดธรรมชาติ แถมได้ในเรื่องผิวพรรณดูมีน้ำมีนวลผ่องใสมีสง่าราศรีดูดีเชียวหล่ะ ไม่ต้องเสียเงินแพง ๆ ไปเข้าคอร์สลดน้ำหนัก เดี๋ยวนี้เธอแนะนำกาแฟาจนมีรายได้เลี้ยงครอบครัวไม่ต้องเป็นแม่ค้าขายลูกชิ้นตามตลาดนัดอีกต่อไป เรียกได้ว่าสุขภาพดี ชีวิตดีเลยจ้า

นี่ก็เป็นอีกคู่หนึ่งที่ดื่มกาแฟแล้วดูดีขึ้น



  
นี่เป็นตัวอย่างส่วนหนึ่งที่นำมาโชว์เป็นน้ำจิ้มถ้าอยากรู้ต้องทดลองเอง ถ้าไหนๆก็ดื่มกาแฟอยู่แล้วลองเปลี่ยนมาเป็นกาแฟสขภาพดูก็ไม่เสียหายอะไร 

ประโยชน์ของส่วนผสมที่มีอยู่ในกาแฟ ซาฟี่ สลิมไลฟ์
กาแฟอาราบิก้า
คุณภาพเยี่ยม คาเฟอีนต่ำ ให้กลิ่นหอม กระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้ไม่ง่วง ช่วยให้มีสมาธิและความสามารถในการทำงานดีขึ้นและยังลดอาการปวดเมื่อยเนื่องจากเป็นหวัด เพิ่มการเผาผลาญไขมันและช่วยลดน้ำหนัก
สารสกัดจากถั่วขาว  
ยับยั้งการทำงานของเอ็นไซม์อะไมเลสและอัลฟ่า-อะไมเลส ทำให้แป้งไม่ถูกย่อยในน้ำตาลลดการดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย มีผลทำให้น้ำหนักลดลงได้อย่างชัดเจน
สารสกัดจากกระบองเพชร
               มีเส้นใยอาหารสูงช่วยในการดักจับไขมันไม่ให้เข้าสู่ร่างกายได้ถึง 28% ไม่ถูกดูดซึมผ่านทางเดินอาหารทางเดินอาหารรวมทั้งช่วยลดความอยากอาหาร
แอลฟา-อะไมเลส (Alpha-Amylase)
              หรือ อะไมเลส  ซึ่งทำหน้าที่เป็นขั้นตอนแรกของการย่อยแป้งให้เป็นหน่วยที่เล็กลง ดังนั้นหากขั้นตอนนี้ถูกยับยั้งจะมีผลในการช่วยย่อยแป้งน้อยลงและแป้งจะถูกระบบขับถ่ายขับออกมาทำให้ลดการสะสมของคาร์โบไฮเดรต ทำให้ไม่อ้วน และยังมีผลในการป้องกันไม่ให้อินซูลินในเลือดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วหลังจากการรับประทานอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต เพราะหากระดับอินซูลินในเลือดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วหลังจากการรับประทานอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตเพราะหากระดับอินซูลินในเลือดเพิ่มขึ้นอย่างนวดเร็วน้ำตาลในเลือดก็จะลดลงตามซึ่งอาจจะทำให้รู้สึกหิวมากขึ้น
ใยอาหาร
                เป็นสารอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนที่ได้จากพืช ซึ่งจะไม่ถูกดูดซึม ความสำคัญของเส้นใยอาหารคือ เพิ่มปริมาณของกากอาหารที่ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ง่ายและเร็วขึ้นและช่วยให้อิ่มอาหารเร็วขึ้น แต่ไม่ถูกย่อยสลายเป็นพลังงาน นอกจากนี้ยังสามารถดักจับไขมันบริเวณลำไส้เล็ก ทำให้ลดการดูดซึมของไขมันได้บางส่วน
คอลลาเจนจากปลาทะเลน้ำลึก
            เป็นคอลลาเจนบริสุทธิ์ จะช่วยเสริมสร้างเนื้อเยื่อคอลลาเจนและ อิลาสตินให้กับชั้นผิวได้โดยตรงอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ จึงทำให้ผิวพรรณดูขาวใส กล้ามเนื้อกระชับเรียบเนียนเป็นธรรมชาติ ไม่แห้งกรานและไม่เกิดริ้วรอยได้ง่าย
ลูเธอิน
     เป็นสารประกอบจำพวก แคดรทีนอยด์ ที่พบในธรรมชาติมากกว่า 600 ชนิด แต่มีเพียง 2 ชนิดที่มีผลในการทำงานของเซลล์ประสาทตา ได้แก่ Lutein และ Zeaxanthin จากการศึกษาวิจัยพบว่าการบริโภค ลูเธอิน จะมีผลช่วยชะลอความเสื่อมของกล้ามเนื้อดวงตาซึ่งผลของความเสื่อมสภาพของการทำงาน ของเซลล์ประสาทตา อาจส่งผลในการมองเห็น การบริโภค ลูเธอิน จึงมีส่วนช่วยในการถนอมรักษาดวงตา ทำให้มีประสิทธิภาพในการมองเห็นดีขึ้นนอกจากนี้ ลูเธอิน ยังมีคุณสมบัติในการเป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระซึ่งช่วยป้องกันการถูกทำลายของเซลล์ผิวหนังจากแสงแดด
โครเมี่ยมพิโคลิเนท
เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของอินซูลินในการเปลี่ยนแปลงไขมัน แป้ง และน้ำตาลให้เป็นพลังงาน ช่วยลดโคลเลสเตอรรอล
สารสกัดโสม
ช่วยระบบไหลเวียนเลือด ต้านอนุมูลอิสระ ลดภาวะความเสื่อมของเซลล์ บำรุงสมอง ฟื้นฟูสมรรถภาพของร่างกายในผู้ป่วยระยะพักฟื้น
แอสปาร์แตม & อะซีซัลเฟมเค
สารทดแทนความหวานของน้ำตาล ให้พลังงานต่ำ ไม่ทำให้ฟันผุ ปลอดภัยต่อสุขภาพ

ต้องขอขอบคุณบทความและผลการวิจัยจากท่านผู้รู้และบรรดานายแบบและนางแบบ หากสนใจกาแฟหาซื้อที่ไหนไม่ได้ติดต่อมาที่ดิฉันได้
    นลินรัตน์  064-2499483  086-9165697 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น