วันจันทร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2558

เทคนิคการเสนอโอกาส/สปอนเซอร์ภาคสนาม

ความสำคัญในการเสนอ โอกาส หรือสปอนเซอร์ให้กับผู้คนเป็นหัวใจของธุรกิจขายตรงระบบ MLM
ได้ชี้ให้ตระหนักถึงปัญหาที่เป็นข้ออ้าง ข้อแก้ตัวหรือเงื่อนไขของผู้สปอนเซอร์อย่างเราที่จะเข้าข้างตัวเองแล้วไม่ ยอมทำงานได้ช่วยให้ท่านมีวิญญาณมีความคิด และมีจิตใจในการสปอนเซอร์ผู้คน นอกจากนั้นยังได้นำเสนอบุคลิกภาพที่สร้างเสน่ห์ให้นักขายตรงอย่างเราๆ เป็นบุคลิกภาพที่ใครๆ ก็อยากคบค้าสมาคม ในตอนนี้ขอเสนอการเข้าพลเพื่อสปอนเซอร์ที่ดี การสัมภาษณ์ และหลักการต่างๆ ที่ควรนำมาใช้ในการสปอนเซอร์ผู้คน ที่จะทำให้เราสปอนเซอร์คนได้เหมือนกับมีเวทย์มนต์ คาถา มหาโชคมหาลาภ เริ่มจาก...
            การเข้าพบเพื่อการสปอนเซอร์ที่ดี           
           1. ควรนัดหมายก่อน เพื่อจัดสรรเวลา และเคารพเวลาคู่สนทนา
           2.
ไปตรงตามเวลา หรือก่อนเวลานัดหมายเล็กน้อย
           3.
สำรวมกิริยาท่าทางต่างๆ เช่นการดื่มน้ำ ไม่ดื่มแบบหิวกระหายจนหมดแก้ว
           4.
ในในฐานะผู้แก้ไขปัญหาให้ความช่วยเหลือ หรือสร้างโอกาสไม่ใช่ไปหาเรื่องติ หรือ ตำหนิในวิถีชีวิตหรือความเป็นอยู่ของเขาพูดง่ายๆ ไปคุยเพื่อ
                สร้างมิตร และสร้างพวก  ไม่ได้ไปชวนทะเลาะเบาะแว้ง
           5.
เริ่มต้นพูดคุยในสิ่งที่เขาชอบ เขาเชื่อ  หรือเขาสบายใจ

          
หัวข้อการสนทนา หรือสัมภาษณ์ที่ดี
          
หัวข้อการสนทนาที่ทำให้เกิดบรรยากาศที่ดี และมีโอกาสขยายองค์กรและขยายทีมงานอีก ขอแนะนำดังนี้
           1.
เรื่องวงศาคณาญาติ หรือเรื่องเบื้องหลังของครอบครัว
           2.
เรื่องความสำเร็จในทางอาชีพ/ธุรกิจ หรือผลงานที่ผ่านมา
           3.
เรื่อง ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข งานบันเทิง งานอดิเรกต่าง ๆ
           4.
เรื่องข่าวสารต่างๆ เรื่องเงิน ๆ ทอง
           5.
เรื่องสภาวะการณ์ทางเศรษฐกิจ

          
เรื่อง หรือหัวข้อการสนทนาที่ควรหลีกเลี่ยง  เพราะอาจจะเกิดความขัดแย้งทางความคิด หรือเป็นปมด้อยในการเจรจาระหว่างคู่สนทนาคือ
           1.
เรื่องการเมือง: โดยเฉพาะถ้าหากคู่สนทนาชอบ หรือสนใจพรรคการเมืองคนละพรรคกับเรา จะชวนเขามาร่วมทีมก็คงไม่ง่ายนัก
           2.
เรื่องศาสนา: ถ้าคู่สนทนาเลื่อมใสศรัทธาในศาสนา หรือลัทธิที่เราไม่ชอบ ไม่สนใจ หรือไม่เชื่อถือ ถ้าคุยกันต่อไปก็จะอยู่กันคนละขั่วเปล่าๆ
           3.
เรื่องลับเฉพาะส่วนตัวที่ไม่อยากจะเปิดเผยของครอบครัว :คู่สนทนาเพราะอาจเกิดปัญหาตามมาภายหลัง

          
หลัก 3 ขั้นในการสปอนเซอร์ 
           1.
สร้างปัญหา คือ ต้องสร้างปัญหาที่ไม่ให้เกิดแรงกดดันต่อตัวคู่สนทนาหลังจากสัมภาษณ์พูดคุย กันแล้ว โดยส่วนมากมักจะระบุถึงปัญหาทาง
            เศรษฐกิจ ปัญหารายได้ไม่สมดุลกับรายจ่ายพร้อมทั้งใช้คำถามที่สำคัญในขั้นตอนนี้คือ ถ้ามีงาน ๆหนึ่งทำให้โอกาสมีรายได้เพิ่ม โดยเพิ่มเวลาทำ
            งานน้อยกว่างานประจำเดิม ๆ สนใจไหม ?”
            2.
ตรวจสอบทัศนคติ คำถามที่สำคัญในขั้นตอนนี้ คือ มีความเห็นอย่างไรกับอาชีพการขาย หลังจากนั้นให้ปรับทัศนคติให้เป็นกลางๆ          
             หรือบวก แล้วจึงดำเนินการในขั้นที่ 3
            3.
ขายธุรกิจ/ขายอาชีพ คำถามสำคัญในวันนี้คือ เคยมีใครชวนหารายได้พิเศษบ้างหรือยัง หลังจากนั้นก็แก้ไขปัญหา หรือนัดแนะในกิจกรรมอื่น ๆ
            ต่อไป

           
การเชื้อเชิญเข้าร่วมประชุม หรือร่วมกิจกรรม
              
ไม่ควรพูดว่า                              ควรพูดว่า
1.
สนใจไหม                                                  1.น่าสนใจอยากจะให้เธอ/คุณไป
2.
ว่างไหม มีเวลาไหม                                   2.วันพุธ หรือศุกร์ 6 โมงเย็น
3.
ลองไปดูไหม                                              3.ตั้งใจอยากให้ไปดู/ฟัง
4.
ตัดสินใจ หรือยังว่าจะไป                           4.ไปด้วยกัน จะไปคอย/รอ

          
บันได 5 ขั้นในการสร้างสายงานตามทฤษฎีมวลชนสัมพันธ์

         
1.ปรับทุกข์  การปรับทุกข์เป็นวิธีการเริ่มต้นที่สร้างแนวร่วม โดยการสัมภาษณ์ สนทนาโดยกำหนดปัญหาจากคู่สนทนาเช่น ปัญหาทางเศรษฐกิจ ปัญหาค่าครองชีพ ปัญหาทางรายได้ไม่พอกับรายจ่ายความเป็นอยู่ที่เปลี่ยนแปลงไป ฯลฯ
          
2.ผูกมิตร   การผูกมิตรเป็นการสนทนาเพื่อสร้างความสัมพันธ์ ความเชื่อมั่น หรือให้เกิดวางไว้วางใจโดยพูดคุยในเรื่องของเรา และของเขา ในขั้นนี้ผู้นำหรือผู้สปอนเซอร์สามารถแสวงหาโอกาสในการทำให้เกิดการตัดสินใจ สมัครร่วมธุรกิจได้
          
3.ปักหลัก   ทำให้เขาได้เรียนรู้วิธีการทำงาน รูปแบบ หรือระบบการทำงาน สร้างวัฒนธรรมในการทำงานที่ถูกต้องได้มีการติดต่อ ติดตาม สนับสนุนให้ดาวน์ไลน์ทำงานขายตรงอย่างมีจุดยืน ช่วยให้สมาชิกใหม่ขายเป็น และสปอนเซอร์เป็นให้เร็วที่สุด
          
4.จัดตั้ง   มอบหมายให้มีบทบาทในสายงานเช่น การเป็นพิธีกร การเป็นผู้ช่วยจัดงานประชุม การเป็นวิทยากร ให้เป็นแกนนำในการร่วมกิจกรรมต่างๆ ฝึกฝนให้เป็นผู้นำกลุ่ม
            
5.ชี้นำ   เมื่อเริ่มมีความรู้ ความสามารถในการเสนอแนะ เสนอขาย ขายโอกาสได้ก็เริ่มชี้นำให้เขาทำกิจกรรมต่างๆ ด้วยตัวเองเป็นวงจรของความสำเร็จ โดยการสร้างผู้นำขึ้นมาทดแทนโดยการสร้างและขยายเครือข่ายออกไป
          
อย่าลืมว่าการสปอนเซอร์พูดคุยกับคนทุกคน จะทำให้ทุกคนเขาตอบตกลง และตัดสินใจสมัครในทันที เชื่อขนมกินได้เลยว่า คงไม่มีในเวทีการขายตรงเป็นแน่แท้ เพื่อนนักขายตรงต้องเข้าใจถึงสัจธรรมของการทำธุรกิจนี้ต้องอาศัยหลักสถิติ หรือหลักอัตราส่วนที่ว่าพบมาก โอกาสผิดหวังมีมาก แต่โอกาสสมหวังก็มีมากเช่นเดียวกัน ความพยามยามในเบื้องต้นคือความสำเร็จในบั้นปลาย เพราะฉะนั้นออกพบปะกับผู้คาดหวังเถิดหนา ดีกว่าจะมานั่งฝันหวานอยู่แต่บนเก้าอี้ จะดักลอบต้องหมั่นกู้ จะเป็นนักสปอนเซอร์ชั้นครูต้องหมั่นพบปะจริงไหม

นิสัยดีดี ที่ควรทำ 5 อุปนิสัย

คุณต้องมีนิสัยดีดี ที่ควรทำ 5 อุปนิสัยด้วยกัน เมื่อพวกเราทำงานในธุรกิจเครือข่ายขายตรง MLM
1. อ่านให้มากๆ ให้เวลากับตัวเองศึกษาอ่านตำราความรู้ (หากมีเวลา) การศึกษาเพิ่มเติมเป็นสิ่งที่จำเป็นมากๆ ทำให้เราได้รู้กว้างมากขึ้น และทำให้เรารู้ทิศทางการทำงานหรือธุรกิจว่า เรามาถูกทางหรือยัง มีเรื่องอะไรที่เราต้องเพิ่มเติมอีกบ้างไหม..มีอะไรที่น่าสนใจที่เอามาใช้ประกอบกับธุรกิขของเราได้บ้าง
2. ฝึกฝนมีทัศนคติเชิงบวกให้มากๆ เพราะงานนี้เป็นงานที่ต้องอาศัยการฝึกฝนทักษะจริงๆ คือใช้มือต้องอบรม รู้จริง ทำจริง ไม่งั้นสำเร็จได้ยาก ขอให้สัมผัสจริงๆ เมื่อวัดผลงานก็ได้งานจริงๆ หากพวกเราทำมาเยอะมากแต่ไหงไม่มีอะไรให้เห็นเลย หรือพวกเราได้ออกไปพบปะลูกค้ามาก ย่อมต้องได้ผลงานเข้ามาบ้าง เรารู้ว่าเราเจอใครมาบ้าง คุยอะไรบ้าง เรารู้ว่าเราทำงานเยอะ…(และได้เงินจริงหรือไม่ก็ทีมโต) แต่ถ้าทำงานไม่เป็น เราไม่แน่ใจว่าเราทำอะไรไปเยอะหรือยัง บางทีแค่เรื่องเข้าอบรม เรื่องมาเรียนเราก็รู้สึกว่า เสียเวลา หรือใช้เวลาไปมากมายเหลือเกิน ทำไมไม่ได้คนเข้ามากับเราสักทีบางทีจะท้อ ดังนั้น พวกเราต้องคิดบวกมากๆ ฝึกฝนทัศนคติเชิงบวกให้มากๆ อย่างที่อ.เคยสอนไป เมื่อเราทำงานไปนานพอจนมีคนรู้ว่าเราเป็นใคร ทำอะไร ธุรกิจเริ่มการเคลื่อนไหวชัดเจน กระแสเงินสดจะเข้ามากกว่าที่จ่ายออกไป เมื่อนั้นเราจะรู้สึกคุ้มค่าคุ้มราคาที่ได้ทำงานนี้
3. การมีวินัยในการจัดตารางงานของตัวเอง อย่างน้อยๆ ต้องตั้งเวลาไว้ว่าจะทุ่มเทให้งานนี้ จะพัฒนาความรู้ จะใช้เวลาวันละกี่ชั่วโมง สัปดาห์ละกี่วัน
แรกๆก็จะยังสับสน งุนงง และจัดตารางตัวเองยาก แต่อย่าลืมว่า เราสามารถจัดการทุกอย่างให้เหมาะกับตัวเราเองได้ เพราะเราทำธุรกิจเครือข่าย เราสามารถย้ายตาราง ปรับผังการทำงาน เพื่อให้เหมาะสมกับชีวิตประจำวันของเราได้ง่าย ทำให้สมดุลทั้งครอบครัว งานประจำ และงานออนไลน์ 4. การมองหาโอกาสใหม่ๆตลอดเวลา พวกเราต้องทำตัวเหมือนเหยี่ยว บินมองลงมาจากที่สูง.. มองหาโอกาสที่อาจจะำมาต่อยอด นำมาสร้างเป็นธุรกิจใหม่ๆ มองหาคนใหม่ๆ พร้อมให้บริการที่ดี ที่อาจจะนำมาใช้แก้ปัญหาให้กับคนอื่นมองหาไอเดียดีๆที่อาจจะนำมาสร้างเงิน สร้างความสุขให้ลูกค้าของเรา อย่าลืมโอกาสไม่ใช่อากาศ ที่คุณจะสูดเข้าไปได้ง่ายๆ พวกเราต้องเสาะหา แต่ก็ไม่ยากเกินกว่าสายตาเหยี่ยวอย่างเราที่จะลองฝึกฝน ลองมองหาโอกาสใหม่ๆให้ตัวคุณเองครับ
5. ลองเปลี่ยนสิ่งที่ชอบทำ ให้กลายมาเป็นธุรกิจจริงจัง ที่สามารถสร้างรายได้ให้กับเราและครอบครัว บางครั้งเราเองอาจไม่ได้ต้องการเงินมากมายนักในช่วงแรก แต่สิ่งที่เราต้องการคือ ความเปลี่ยนแปลง..ความเปลี่ยนแปลงเล็กๆน้อยๆ จะทำให้เรามีกำลังใจมากขึ้น กระแสเงินสดเล็กๆน้อยๆ จะช่วยเข้ามาเติมเต็มความสุขในครอบครัวของเราได้มากมาย เป็นค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าน้ำมันรถ ค่าอาหารนอกบ้านในบางมื้อกับครอบครัวที่แสนสุขของเราได้

MLM มืออาชีพ คืออะไร
ในชีวิตการทำงานของทุกคนล้วนคาดหวังอยากก้าวหน้าในอาชีพที่ตนทำอยู่คุณเคยสังเกตไหมว่า รอบตัวเรามีใครบ้างที่ทำงานอย่างมืออาชีพ คนที่เราอยากยึดเป็นต้นแบบ คนเหล่านั้นมีลักษณะอย่างไร และทำอย่างไรเราจึงจะเป็นมืออาชีพอย่างนั้นได้บ้าง หากเราอยากทำงานได้อย่างมืออาชีพแล้วล่ะก็ ก่อนอื่นเราควรรู้ว่า คนแบบไหนที่เรียกว่ามืออาชีพ ดังนี้
1.   มืออาชีพนำความชำนาญของตนมาเป็นเครื่องมือในการทำงาน
2.   มืออาชีพทำงานเต็มศักยภาพที่มี
3.   มืออาชีพไม่หยุดเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ
4.   มืออาชีพมักทำงานเกินความคาดหวังเสมอ
5.   มืออาชีพทำตามที่พูด และพูดในสิ่งที่ทำได้
6.   มืออาชีพสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าการพูดหรือการเขียน
7.   มืออาชีพทำงานอย่างซื่อสัตย์ ยุติธรรม และมีจรรยาบรรณ
8.   มืออาชีพเคารพในกฎเกณฑ์ที่กำหนดไว้
9.   มืออาชีพยกย่องเพื่อนร่วมงาน ไม่ใช่ยกย่องตนเอง
10.  มืออาชีพรู้จักแบ่งปันความรู้ให้ผู้อื่น
11.  มืออาชีพรู้จักขอบคุณผู้อื่น
12.  มืออาชีพมีทัศนคติที่ดีในทุกสถานการณ์
รู้กันกันแบบนี้แล้วว่าคนแบบไหนที่เรียกว่ามืออาชีพในเอ็มแอลเอ็ม พอหากันเจอนะ ดังนั้น เพื่อความก้าวหน้าและประสบความสำเร็จได้ตามที่ใฝ่ฝันไว้ เรามาเริ่มต้นทำงานอย่างมืออาชีพตั้งแต่วันนี้กัน
1.   การจดบันทึกการทำงานของเราในรอบสัปดาห์จะช่วยให้เราเห็นภาพรวมและช่วยในการจัดการกับงานต่าง ๆ ได้ดีขึ้น เพราะเราจะเห็นว่าคุณใช้เวลาไปกับอะไรมาก-น้อยแค่ไหน เราให้เวลากับงานที่ก่อให้เกิดผลผลิต หรือเสียเวลาไปกับสิ่งที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์มากกว่ากัน จากนั้นจึงมาดูว่าควรลดเวลาตรงไหน และเพิ่มเวลาให้กับอะไรจึงจะเกิดประโยชน์สูงสุด
2.   ทุกกิจกรรมที่เราทำควรมีการกำหนดเวลาเสมอ ไม่เช่นนั้น To-do lists ของเราจะยาวเหยียด เพราะงานที่ทำอยู่ไม่เสร็จเสียที ประเมินว่างานนั้นเราเริ่มเมื่อไร จบเมื่อไร และพยายามทำให้ได้ตามที่วางแผนเอาไว้
3.   วางแผนการทำงาน อย่างน้อยครึ่งหนึ่งของเวลาทำงานทั้งหมดควรให้กับสิ่งที่ก่อให้เกิดผลลัพธ์สูงสุด
4.   จัดสรรเวลาสำหรับการถูกขัดจังหวะ เช่น การให้พบกับทีมงาน ไปหาลูกค้าพบเพื่อตามงาน หรือไปขอนัดประชุมต่าง ๆ ในกรณีที่ไม่เร่งด่วน ก็ไปพบลูกทีมใหม่ๆ ตามเวลาที่คุณกำหนด แต่หากเป็นเรื่องเร่งด่วน ก็เป็นข้อยกเว้นที่สามารถยืดหยุ่นกันได้
5.   จัดสรรเวลาสำหรับการเคลียร์งานของตนเอง เมื่อเรากำหนดเวลาการเข้าไปหาลูกค้าได้ เราก็จะมีช่วงเวลาสำหรับจัดการงานของตัวเองให้เสร็จด้วยเช่นกัน
6.   ปิดช่องทางการสื่อสารที่ไม่จำเป็น เมื่อเราได้เวลาส่วนตัวมาแล้ว ก็อย่าให้มีอะไรมารบกวนได้อีก เช่น ปิดแชท ปิดสื่อออนไลน์ต่าง ๆ
ยังไม่ต้องรีบตอบอีเมลที่ไม่เร่งด่วน ไม่รับสายที่ไม่เร่งด่วน เพื่อจดจ่ออยู่กับงานในช่วงเวลาที่เราต้องเร่งงานให้เสร็จ
7.   ช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดของวันคือก่อนเริ่มงาน ควรใช้เวลา 30 นาทีแรกของการทำงานในแต่ละวันเพื่อวางแผนการทำงาน
ในวันนั้น อย่าเริ่มงานโดยไม่วางแผนเด็ดขาด
    8.   ให้คิดก่อนลงมือทำงานใด ๆ ก็ตามว่า เราอยากให้ผลลัพธ์ของงานชิ้นนั้นเป็นอย่างไร และเมื่อทำเสร็จ แล้วให้ประเมินว่า เราทำสำเร็จตามที่ต้องการหรือเปล่า ถ้าไม่ อะไรที่ขาดไป และในครั้งต่อไปเราจะทำให้มันดีขึ้นได้อย่างไร  การทำงานอย่างมีประสิทธิภาพควรเริ่มจากการวางแผนที่ดี ยิ่งเมื่อเราเป็นผู้บริหารทีมงานธุรกิจเครือข่าย เราต้องทำงานหลายอย่างในเวลาเดียวกัน จึงต้องจัดสรรเวลาอย่างเหมาะสม เมื่อสามารถวางแผนและบริหารเวลาในการทำงานได้ดี งานก็จะราบรื่นนำไปสู่ความสำเร็จในที่สุด
การบริหารเวลา
การบริหารเวลาเป็นทักษะที่เป็นศูนย์กลางแห่ง
ความสำเร็จ ความสำเร็จและรางวัลในชีวิตของเรามาจากความสามารถในการบริหารเวลา ลองมุ่งสมาธิและกำหนดทิศทางของพลังงานที่เรามีอยู่ไปยังงานที่
มีค่าสูงที่สุดของเรา สิ่งที่เรามีอยู่เท่าเทียมกันก็คือ เวลา แต่เวลาจะเพียงพอหรือไม่อยู่ที่ว่า พวกเรากำลังสนใจงานนั้นเพียงใด หากเรากำลังทำงานเพื่อหาเงิน ทุกนาทีย่อมมีค่าตีเป็นเงินทองได้
หากเรารู้วิธีการจัดการที่ดี มันจะประหยัดเวลาเป็นชั่วโมงๆและเงินเป็นแสนๆบาทในการสร้างความก้าวหน้าในชีวิตส่วนตัวของเรา
สมองของเราคือ ทรัพย์สินที่มีค่าล้ำเลิศที่สุด เรา จะต้องทำการเพิ่มคุณภาพความคิดของเราให้ต่อเนื่องตลอดไป วิธีการที่ดีที่สุดอย่างหนึ่งก็คือ ใช้เวลาศึกษาระหว่างที่ขับรถหรือนั่งรถด้วยการฟังเทปความรู้ วันๆหนึ่งเราใช้เวลาเดินทางไปกลับมากมายบนท้องถนน หากเรามีเทปที่ให้ความรู้มานั่งฟัง ไม่ว่าจะเป็นภาษาอังกฤษสำหรับธุรกิจ การใช้ศัพท์ภาษาไทยที่ถูกต้อง เรื่องราวปลุกกำลังใจ และอื่นๆ เราจะสามารถใช้เวลาได้เท่ากับการศึกษาและประหยัดเงินที่จะต้องเข้าเรียนหลัก สูตรได้อาจนับหลายหมื่นบาท แม้ว่าเทปเหล่านั้นอาจมีไม่มากพอในประเทศไทยเหมือนในยุโรปและอเมริกา เราก็สามารถทำมันขึ้นมาเองได้ ด้วยการอ่านอัดลงไปในเทปด้วยตัวเอง เราอาจจะอ่านหนังสือทั้งหมด หรือเรื่องสรุปย่อที่คุณทำบันทึกขึ้นมาเอง และฟังซ้ำอยู่ตลอดเวลา มันจะซึมลึกลงไปในตัวเราอย่างไม่รู้ตัว ข้อมูลมันจะย้อนกลับมาหาเราเมื่อเราต้องการมัน เราไม่ควรเกียจคร้านในเรื่องนี้ 
 นอกเหนือจากนั้นแล้ว เราควรที่จะเข้างานสัมมนาวิชาการ หรือการพัฒนาตนเอง การได้เข้างานสัมมนาให้มากที่สุดเท่าที่คุณสามารถทำได้นั้น
มีผลต่อการพัฒนาตัวเองและอาชีพการงาน เราสามารถที่จะประหยัดเวลาเป็นร้อยชั่วโมงจากการอ่านและค้นคว้าได้โดยการ เข้าฟังอบรมสัมมนากับผู้รู้ในสาขานั้นๆได้ สิ่งนี้จะทำให้เราได้รับไอเดีย เทคนิค และวิธีการซึ่งทำให้เราไม่ต้องเสียเวลาเป็นชั่วโมง วัน หรือแม้กระทั่งเป็นเดือนๆในการสรรหามันด้วยตนเอง ที่ผ่านมาอ.ได้ใช้วิธีนี้ประจำ มันเป็นการประหยัดที่ดี พวกเราก็ควรจะสะสมเงินไว้ส่วนหนึ่งเพื่อทำเช่นนี้ และเงินจำนวนนั้นเป็นเงินสำคัญยิ่งที่เราจะต้องลงทุน ใครจะรู้ว่าเราจะสามารถหาเงินได้จากการลงทุนครั้งหนึ่งได้เป็นร้อยเท่าพัน เท่า บางทีคำพูดเพียงประโยคเดียว สามารถเพิ่มคุณภาพชีวิตของเราขึ้นมาได้อย่างมหาศาล หรือรอรับฟังการอบรมจากอ.ก็ได้นะ 
ความฉลาดอีกประการหนึ่งของเราคือ การรู้จักถามคำถามจาก ผู้ที่รู้ในเรื่องที่เราต้องการข้อมูล คนที่เราถามข้อมูลจากเขาไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่มีอาวุโสหรือศักดิ์ศรีสูง กว่าเรา ใครก็ได้ที่รู้เรื่องที่เราต้องการรู้ถือว่าเป็นแหล่งทรัพยากรของเรา เราจะเรียนรู้ได้รวดเร็วจากประสบการณ์ที่เขาทำผ่านมา บางทีเราอาจ
ถามเพียงประโยคเดียวว่า ถ้าคุณจะมีอะไรแนะนำผม/ฉันในเรื่องนี้แล้ว  อะไรที่คุณคิดว่าเป็นเรื่องสำคัญที่สุดในการทำธุรกิจ MLM ” บางคนอาจตอบเราว่า คุณ ต้องทำตัวให้เป็นที่เชื่อถือ นั่นคือมีเครดิต มีคนเชื่อคุณ ถึงแม้จะเป็นหนี้แต่ผ่อนตรงเวลา หรือมีปัญหาแล้วพูดคุย คุณก็จะยังคงรักษาเครดิตไว้ได้ มันเป็นการต่อชีวิตทางธุรกิจของคุณหรือบางคนอาจบอกเราว่าการเก็บเงินเป็นเรื่องที่สำคัญอันดับหนึ่ง เพราะถ้าคุณทำงานแล้วถูกโกง หรือเขาจ่ายเงินช้า คุณก็จะเสียหายได้มากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้น ต้องเก็บเงินให้เร็วที่สุด ตามทวงหนี้ให้ได้เร็วที่สุด บางคนอาจบอกเราว่า เวลา ไปนั่งคุยกับลูกค้า ถ้าเขาตำหนิอะไรมาก็ทำใจเฉยๆ ผ่านหูไปอย่าเก็บเอามาเป็นอารมณ์ว่าเขากำลังว่าที่ตัวคุณ ถ้าใจคุณสงบธรรมดา คุณก็จะมีวิธีการทำให้เขาเข้าใจและซื้อจากคุณ หรือซื้อจากคุณต่อไป ดังนี้เป็นต้น เมื่อเราเก็บรวบรวมไอเดียต่างๆเหล่านี้มารวมไว้ในห้องสมุดในสมองของเราแล้ว มันจะถูกนำออกมาใช้เองในสถานการณ์ที่เหมาะสม และมันอาจกลายเป็นโมเดลทางธุรกิจของเราไปตลอดชีวิตการทำงานเลยก็ได้  จงจำไว้ว่า ถ้าจะหาเงินได้มากขึ้นก็ต้องเรียนรู้มากขึ้น โลกภายนอกคือ ตัวสะท้อนโลกที่เราเตรียมตัวไว้ภายใน จงเรียนรู้ต่อไปอย่างไม่ต้องหยุด นั่นเป็นสิ่งที่เพิ่มรายได้ของเรา ซึ่งต้องทำเป็นอย่างน้อยไม่ว่าเราจะทำอาชีพใด
ทิ้งท้าย
ดิฉันขอฝากแบบฝึกหัดให้ลงมือทำดู
ต่อไปคือ สองสิ่งที่เราสามารถนำไอเดียนี้ไปใช้ในชีวิตของเราได้ทันที
ประการที่หนึ่ง ให้ซื้อเทป ซีดีความรู้หรืออ่านอัดจากหนังสือที่เต็มเล็มหรือย่อด้วยตนเอง ให้เริ่มฟังมันทันทีเมื่อเสร็จ ไม่ว่าเราจะเดินทางไปที่ใด
ประการที่สอง เสาะหาสัมมนาหรือหลักสูตรฝึกอบรมที่มีผู้เชี่ยวชาญในสาขาของเรามาสอน นั่นแถวหน้าๆ จดย่อ แล้วก็นำไอเดียที่ดีที่สุด ซึ่งเราเรียนรู้มา
ไปใช้ทันที
ประการที่สาม  หัดถามคำถามที่เป็นประสบการณ์หนึ่งอย่างจากทุกคนที่เราพบ
เมื่อทำให้ได้ตามนี้แล้ว อ. ขอบอกได้เลยว่าพวกเราจะมีคุณค่าเพิ่มมากขึ้นในตัวเองด้วยเวลาที่มีจำกัดได้จริงๆ
นลินรัตน์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น