วันจันทร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2558

เหตุใดคนหลายคนและคนจำนวนมาก จึงเสียเงินหลายหมื่นหลายแสนกับธุรกิจ MLM

เหตุใดคนหลายคนและคนจำนวนมาก จึงเสียเงินหลายหมื่นหลายแสนกับธุรกิจ MLM 

หาก มองย้อนไป ก่อนที่เราจะเสียเงินให้กับธุรกิจนี้เป็นเงินก้อนโต ดิฉันเชื่อว่า ทุกคน ที่อยู่ในสถานการณ์นั้น จะต้องได้รับแรงกระตุ้นที่ทำให้เราควักเงิน จาก Upline  หรือ บรรยากาศที่ได้ยินได้ฟัง บุคคลที่ประสบความสำเร็จ พูดถึง สิ่งที่เราจะได้  หากเราได้เลื่อนระดับ เช่น ได้กำไรที่มากขึ้น ได้ % ส่วนแบ่งจาก downline ของเรามากขึ้น  หรือ การทำเพื่อให้ได้สิทธิในการร่วมสัมมนา หรือ ให้ได้สิทธิ์ไปท่องเที่ยวฟรี ในสถานที่ที่เรายังอยากไปมาก เป็นต้น 
สิ่งกระตุ้นเหล่านี้  ทำให้เรามีความหวัง  จนลืมมองโลกแห่งความจริงของธุรกิจ และหลายคน หากเรามองดีๆ จะพบว่า เป็นเด็กจบใหม่ อ่อนประสบการณ์  อ่อนต่อโลก  อย่าว่าแต่จะคิดถึงสิ่งที่ต้องคิดก่อนจ่ายเงินเลย บางที หลายคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่า เขาต้องคิดอะไรบ้าง ก่อนควักสตางค์จ่ายเงินออกไป  
เงิน ที่ต้องจ่าย เป็นจำนวนมาก มักจะมาจากการควัก เพื่อตุนสินค้า (ส่วนการควักประเด็นอื่นๆ เมื่อเทียบกับการควักจ่ายค่าสินค้าแล้ว ถือว่าเล็กน้อย)  แต่ การซื้อตุนสินค้า ไม่ใช่สิ่งที่ทำให้เราต้องขาดทุนจากธุรกิจนี้นะครับ แต่ที่หลายคนต้องเสียเงินจำนวนมาก ก็เพราะว่า  ซื้อสินค้าตุนไม่เป็นตะหากล่ะครับ 
ดังนั้น เรามาดูกันว่า  หากเราจะซื้อสินค้าในปริมาณมาก เราจะต้องพิจารณาอะไรบ้าง ซึ่งมีดังนี้ คือ ตั้งคำถามกับตัวเองว่า  เราซื้อแล้ว จะไปขายใคร  ?  (ไม่ต้องไปเชื่อ upline ว่า ถ้าเราตั้งใจจริง เข้าไปพบลูกค้า ทำงานจริงๆ  เราขายได้อยู่แล้ว )  เพราะหากสมองของเรา ยังมองแผนการปล่อยสินค้าไม่ออก นั่นแสดงให้เห็นว่า เรายังไม่มีวิธีขายสินค้า ดังนั้นจึงยังไม่ควรรีบซื้อสินค้าตุน  เคยมีคนถามอ. ว่า แบบไหนถึงจะเรียกว่า เรามีแผนระบายสินค้าล่ะ ? อ.ขอยกตัวอย่างง่ายๆนะครับ หากเราซื้อสินค้า มา 10 ชิ้น ชิ้นละ 1000 บาท  สิ่งที่เราพอเรียกได้ว่าเรามีแผน เช่น
-         
เราจะไปขาย ตลาด A : เพื่อน ม.ต้น  ประมาณว่า น่าจะขายได้ 2 ชิ้น  (ขาย A กับ B)
-         
เราจะไปขาย ตลาด B : เพื่อน ม.ปลาย ประมาณว่า น่าจะขายได้ 3 ชิ้น (ขาย ต้น ,เอก  กับ หนึ่ง)
-         
เราจะไปขาย ตลาด C : เพื่อน มหาลัย  ประมาณว่า น่าจะขายได้ 1 ชิ้น  (ขาย เจี๊ยบ)
-         
เราจะไปขาย ตลาด D : ที่ office  ประมาณว่า น่าจะขายได้ 4 ชิ้น   (ขาย พี่เจี๊ยบ,การ,น้องเก่ง ,พี่สายสมร)
-         
เราสำรอง ตลาด E : หมู่บ้านซึ่งอยู่ใกล้บ้าน  ประมาณว่า น่าจะขายได้ 2 ชิ้น  ถ้าเราลองนำเสนอสินค้า ทุกบ้าน  เป็นต้น (ป้าขายขาหมู ,เฮียขายข้าวมันไก่)
สรุป  ยังไม่มีแผนการระบายสินค้า  ไม่ต้องรีบตุนสินค้า ตั้ง คำถามกับตัวเองว่า หากจะซื้อสินค้าอะไร  เราต้องประเมินว่า ลูกค้าที่เราเล็งไว้ จะซื้ออะไร อีกนัยหนึ่งก็คือ เรารู้จักสินค้าตัวใดดี เราจะขายสินค้าเหล่านั้นได้ดี ดังนั้น จงซื้อในสิ่งที่เรารู้จริง จงซื้อในสิ่งที่เราจะขาย ต้องประมาณให้ดี ไม่ใช่ ซื้อทุกอย่าง เพราะมิฉะนั้นแล้ว เราจะขายไม่ได้

สรุป  จงซื้อในสิ่งที่เราคิดว่าจะขายจะซื้อสินค้าอะไร ต้องคิดบนพื้นฐานของบัญชีรายชื่อลูกค้าที่เรามี เพราะ หากเรามีบัญชีรายชื่อมาก โอกาสที่จะประมาณการขาย และชนิดสินค้าที่จะขายก็จะชัดเจนมากขึ้น หรือจะซื้อสินค้าตัวใด  ปริมาณเท่าใด  ต้องนำบัญชีรายชื่อลูกค้า มาประเมินการซื้อด้วย 
หากเรา คิดบนพื้นฐานของสามข้อนี้ อ.เชื่อว่า โอกาสสูญเงินก้อนโตก็จะลดลงมาก แต่ต้องไม่ลืมนะการซื้อบนพื้นฐานของความต้องการกำไรที่มากขึ้น หรือ เพื่อให้ได้สิทธิต่างๆนั้น เป็นต้นเหตุของการขาดทุนเลยนะ เราต้องระวังให้ดี

สุดท้าย มีบางคนใจใหญ่ หน้าใหญ่ ซื้อเพื่อโชว์ว่า ฉันใจถึง ฉันแน่ ฉันทำจริง  ไม่เหมือนหลายๆคนที่เอาแต่กลัว…. ครับ  คนแบบนี้แหล่ะ ที่เรียกว่า คิดไม่เป็น…… เพราะยังไม่เข้าใจแม้แต่ ความกลัว กับ ความรัดกุม  นั้นต่างกันอย่างไร  ………


 The Tao of Warren Buffett 
หนังสือ ชื่อ เป็นการรวบรวมแนวคิดวิธีการทำธุรกิจจากสุดยอดนักธุรกิจคนหนึ่งของโลก คือ วอเรน บัฟเฟตต์ ซึ่งถึงแม้ว่าเขาจะรวยเป็นอันดับสองของโลก รองจาก บิลล์ เกตส์ แต่ในภาพของการทำธุรกิจโดยทั่วไปแล้ว อ.คิดว่า วอเรน มีความเหนือกว่าบิล เกตส์อย่าง มาก  วอเรน นั้นประสบความสำเร็จครั้งแล้วครั้งเล่าในการประเมินศักยภาพของธุรกิจที่มี อยู่ในตลาดหุ้นแล้วเข้าไปช้อนซื้อในราคาที่ถูกกว่ามูลค่าจริงเมื่อมีโอกาส รวมทั้งบางครั้งเขาก็แสวงหาผู้บริหารที่ดีให้เข้าไปบริหารกิจการเหล่านั้น แล้วเขาก็เพียงแค่คอยดูการเติบโตที่มีอย่างต่อเนื่องของธุรกิจเหล่านั้น
ใน ขณะที่บิลล์ เกตส์นั้นอาจเรียกได้ว่า ประสบความสำเร็จครั้งใหญ่เพียงครั้งเดียวจากการสร้างระบบปฏิบัติการวินโดว์ ที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้ (ที่จริงบิลก็ไปซื้อลิขสิทธิ์ต้นแบบของคนอื่นมาพัฒนาอีกที) แต่ที่ทำให้บิลรวยกว่าวอเรนนั้นก็เพราะสิ่งที่เขาผลิตนั้นเป็นสินค้าปฏิวัติ โลก เช่นเดียวกับสินค้าหลอดไฟฟ้าที่เอดิสันเคยประดิษฐ์ได้ บวกกับการคุ้มครองทางลิขสิทธิ์ การประสบความสำเร็จเพียงครั้งเดียวนี้ จึงทำให้เขาร่ำรวยที่สุดในโลกได้อย่างไม่ยากเย็น (อ. ได้เคยวิเคราะห์ไว้) ซึ่งเราเรียกสิ่งนี้ว่า Key Success นั่นเอง คล้ายๆ กับนักธุรกิจไทยอีกหลายคนที่อ. ไม่อยากเอ่ยถึงโดยตรง (เดี๋ยวจะถูกฟ้อง) แต่อ.พบว่าพวกเขานั้นอาศัยการประสบความสำเร็จครั้งใหญ่ครั้งสำคัญเพียงครั้ง เดียว ที่ทำให้เขาสามารถร่ำรวยมหาศาลอยู่ได้ในทุกวันนี้ ในขณะที่ถ้าเทียบความสามารถกันโดยละเอียดแล้ว อ. พบว่ายังมีนักธุรกิจระดับรองๆ ลงมาอีกหลายคนที่เก่งกว่าพวกเขามาก เงินจึงไม่ได้วัดระดับความสามารถได้เสมอไป แต่เราต้องศึกษาและวิเคราะห์กันโดยละเอียด  มาเข้าประเด็นกันต่อ ในด้านหลักการทำธุรกิจโดยทั่วไปแล้ว อ. จึงถือว่า วอเรน บัฟเฟตต์เป็นสุดยอดกูรูคนหนึ่งที่เราสมควรที่จะเรียนรู้จากเขาด้วย อ. จึงจะได้นำแนวคิดดังกล่าวบางส่วนมาเล่าสู่กันฟัง ถ้าสนใจก็ไปซื้อหามาอ่านกันได้แบบเต็มๆ ขอเริ่มจาก..
1.
วอเรนบอกว่า ถ้าคุณลงทุนเหมือนกับว่าคุณต้องอยู่กับมันไปตลอดชีวิต และ ไม่สามารถที่จะยกเลิกการลงทุนในธุรกิจของคุณได้ ถ้าคุณคิดแบบนี้ มันก็จะทำให้คุณทำการบ้านมาอย่างดีที่สุด ก่อนเข้าไปลงทุนในบริษัทนั้นๆ  หลักการนี้ อ. เห็นว่าตรงกับหลักการที่อ. ได้กล่าวไปแล้วเช่นกันในเรื่องของ Know How ก็คือ คุณต้องศึกษาหาข้อมูลอย่างลึกซึ้งก่อนที่จะลงทุนไปทำธุรกิจใดๆ ถ้าคุณคิดแบบวอเรนว่า คุณมีโอกาสเพียงครั้งเดียว หรือคิดว่าคุณต้องอยู่กับมันตลอดชีวิต เปลี่ยนไม่ได้ บางทีคุณจะทำการบ้านมาอย่างดี ซึ่งทำให้โอกาสประสบความสำเร็จมีมากขึ้น  อย่าไปเชื่อคำแนะนำของนักธุรกิจรุ่นก่อน ที่บอกว่าทำๆ ไปเถอะ แล้วเรียนรู้เอา ข้อแตกต่างอย่างหนึ่งของธุรกิจก็คือ คุณต้องลงทุนด้วยเงิน และการขาดเงินทุน จะทำให้คุณเริ่มธุรกิจใหม่ได้ยากมาก ไม่เหมือนกับการลองผิดลองถูกในอาชีพอื่น ที่คุณอาจไม่ต้องเสียอะไร นอกจากแรง (เช่นนักกีฬา)  นักธุรกิจเหล่านั้น เขาอาจเป็นหนึ่งในจำนวนไม่กี่คนที่ประสบความสำเร็จทั้งๆ ที่ทำการบ้านมาน้อย แต่มีคนอีกจำนวนมากที่ทำแบบเดียวกันแต่ล้มเหลว เพียงแต่คนเหล่านั้นไม่มีโอกาสมาพูด เพราะเสียงของคนที่ประสบความสำเร็จย่อมดังกว่า (แต่ไม่แน่ว่ามันจะถูกกว่าเสมอไป)  วอเรน พิสูจน์แล้วว่า การจะประสบความสำเร็จครั้งแล้วครั้งเล่า โดยมีสัดส่วนของการประสบความสำเร็จมากกว่าความล้มเหลวนั้น ต้องมาจากการทำการบ้านที่ดีแต่แรกเริ่ม แล้วการทำงานหนักแต่แรกเริ่มนี้ จะทำให้คุณทำงานและร่ำรวยได้ง่ายในภายหลัง
2.
วอเรน ศึกษาหลักการจนลึกซึ้งก่อนทำอะไร จะ ไม่มีวอเรนที่ร่ำรวยอันดับสองของโลกในวันนี้ ถ้าไม่มีเบนจามิน เกรแฮม และฟิล ฟิชเชอร์ สองอาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ที่เขาได้นำหลักการการลงทุนของทั้งสองคนมาผนวกเป็น หลักการที่ดีที่สุดของตนเอง  วอเรนนั้นเป็นนักธุรกิจที่เน้นหนักไปในทางใช้สติปัญญามากกว่าความบ้าระห่ำ เขาใจเย็นที่จะรวยช้าๆ แต่แน่นอน ไม่ลงทุนสุ่มสี่สุ่มห้า แต่อดทนที่จะรอคอยเวลาที่เหมาะสมมาถึง เขาจึงชอบที่จะศึกษาเรื่องราวต่างๆ ให้ลึกซึ้งก่อนลงไปทำอะไร และเมื่อเขารู้จักมันดีทั้งหมด โอกาสของการประสบความสำเร็จของเขาก็สูงมาก และสามารถทำซ้ำๆ ได้เสมอ ซึ่งต่างจากนักธุรกิจทั่วไป ที่นิยมความเสี่ยง หรือแม้กระทั่งสอนคนรุ่นต่อไปว่า การเสี่ยงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ (แน่นอน ธุรกิจย่อมมีความเสี่ยง แต่ถ้าคุณศึกษาจนรู้จริง โอกาสล้มเหลวจะน้อยมากๆ )
3.
วอเรน รู้ว่าตัวเองต้องคิดต่างจากคนส่วนใหญ่เสมอ คน ที่จะประสบความสำเร็จต้องทำตัวเองให้คิดต่างจากคนส่วนใหญ่ที่จะเป็นแค่คน ธรรมดา หรือคนล้มเหลว ฉะนั้น ถ้าคุณยังมีแนวคิดเหมือนคนทั่วๆ ไป นั่นอาจเป็นข้อสรุปได้ง่ายๆ อย่างหนึ่งเหมือนกันว่า คุณจะไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร (ตามหลักปิรามิด ที่คนประสบความสำเร็จจะมีน้อยกว่าคนทั่วไปเป็นลำดับชั้นลงไป ถ้าคุณคิดเหมือนคนส่วนใหญ่ คุณก็จะเป็นเหมือนคนส่วนใหญ่) แนวคิดการลงทุนของวอเรน จึงต่างจากคนเล่นหุ้นในตลาดหุ้นมาก
4.
คนฉลาดเรียนรู้จากประสบการณ์ของคนอื่น ประสบการณ์เป็นสิ่งมีค่า แต่ คนฉลาดจะไม่ต้องเสียเวลาและทรัพยากรไปกับการเรียนรู้ด้วยตัวเอง พวกเขารู้จักเรียนรู้จากประสบการณ์ของคนอื่น โดยเฉพาะที่ล้มเหลว (อะไรไม่ควรทำ)
5.
วอเรน ไม่ได้ทำธุรกิจเพื่อเงิน แต่เขาสนุกกับมันมากกว่า แนวคิดนี้จะทำให้นักธุรกิจประสบความสำเร็จทั้งสองด้าน คือได้ทั้งเงินและความสุข ไม่ใช่พอได้เงินแล้วก็ชักเบื่อ ไม่อยากทำธุรกิจแล้ว หรือทนทำธุรกิจเพื่อเงิน ก่อนที่คุณคิดจะลงมาทำธุรกิจ จึงต้องใคร่ครวญและศึกษาให้ดีว่า ธุรกิจนั้นมีบางส่วนที่คุณชอบมันจริงๆ และสามารถทนทำมันได้ตลอดชีวิต
ลองดูนะคะเผื่อนำมาใช้กับชีวิตเราได้


 ความสำเร็จ เริ่มต้นได้ไม่ยาก หากคิดจะเริ่มในธุรกิจเครือข่าย
นี้ ไม่ว่าใครจะสมัครเข้าร่วมธุรกิจแล้ว หรือกำลังตัดสินใจอยู่ว่า จะสมัครดีหรือไม่ หรือ ยังไม่มีความคิดสักนิดที่จะสมัคร แต่บังเอิญได้รู้ข้อมูลของธุรกิจนี้แบบ เล่นๆพอดี ช่วงนี้ได้ไปรับรู้เรื่องราวของธุรกิจนี้เข้า หรือได้อ่านจากสื่อต่างๆ ซึ่งไม่สำคัญแต่ก็พอจะช่วยสร้าง แรงบันดาลใจ ให้แก่เราได้ลุกขึ้นมาฮึดสู้หรือเริ่มต้นกับธุรกิจเครือข่ายดีๆ สักหนึ่งธุรกิจที่เป็นของคนไทยแท้ๆ
บาง คนอาจเคยผ่านธุรกิจอื่นมาบ้างแล้ว สำเร็จบ้าง ไม่สำเร็จบ้าง บางคนอาจไม่รู้จักธุรกิจขายตรงหรือธุรกิจเครือข่ายเลย รู้บ้างเห็นบ้างจากสังคมแต่ไม่เคยสนใจ หน้านี้จะช่วยเสริมความเข้าใจให้เรามากยิ่งขึ้น พวกเราเคยคำนวณค่าใช้จ่ายในแต่ละวันกันไหมครับว่า เงินในกระเป๋าของเราถูกจ่ายเป็นค่าอะไรบ้างหาก เราต้องลากรถเข็นไปในซุปเปอร์มาร์เก็ตสักแห่ง เลือกซื้อสินค้าตามใจปรารถนา จ่ายเงินที่ช่องจ่ายหอบหิ้วสินค้ากลับบ้าน รวมๆ แล้วในแต่ละเดือนเป็นเงินเท่าไหร่ และในหนึ่งปีเป็นเงินเท่าไหร่ ที่สำคัญเงินหายออกจากกระเป๋าไป นอกจากได้สินค้ากลับมาแล้วได้อะไรกลับมาอีกบ้าง ทำนองเดียวกัน หากเปลี่ยนวิธีคิดใหม่ ลองเปิดโอกาสให้ตัวเองได้สัมผัสกับธุรกิจดีๆ  สักธุรกิจหนึ่ง เลือกซื้อสินค้าที่เคยหาได้จากซุปเปอร์มาร์เก็ต แต่เมื่อเทียบคุณภาพดีกว่าเป็นไหนๆ ที่สำคัญได้รับเงินปันผลคืนทุกเดือน และหากใช้ดีแล้วแนะนำต่อไปยังคนรู้จักกลายเป็นธุรกิจเครือข่าย สักวันหนึ่งธุรกิจที่เราคิดว่า ทำเล่นๆ” “ทำเป็นอาชีพเสริม อาจกลายเป็นอาชีพหลักที่สร้างรายได้มหาศาลให้แก่เราก็เป็นได้ บริษัทนี้มีความมั่นคงยืนยงอยู่แล้ว แต่ที่อ.ต้องคุยคือ เรื่องอื่นๆ เรื่องอื่นๆ ที่ว่านี้ คงเป็นเรื่องที่ว่า แล้วจะทำอย่างไรให้ประสบความสำเร็จในธุรกิจเครือข่ายนี้ อย่างแรกก็ลงมือทำอย่างเป็นขั้นตอน เรียกให้หรูก็คือ ลงมือทำด้วยความฉลาดปราศจากอคติ อย่างที่กำลังจะบอกต่อจากนี้ไป 
  - เพราะเงินเพียง ...... บาท จากการลงทุนครั้งนี้ หากเทียบกับความสำเร็จที่จะ
       
1. ตัดสินใจสมัครเข้าร่วมธุรกิจโดยปราศจากความลังเลสงสัย
เกิดขึ้นในอนาคต มันช่างน้อยนิดเทียบกันไม่ติดเลยแม้แต่น้อย สมัครแล้วก็เปิดอ่านคู่มืออย่างละเอียด ศึกษาทุกอย่างในคู่มืออันเป็นขุมทรัพย์ความรู้ที่จะนำไปปฏิบัติ
          2.
ทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ด้วยตนเองและใช้อย่างถูกวิธี
            -
การใช้ผลิตภัณฑ์ด้วยตนเอง จะทำให้สัมผัสและรู้สึกได้ถึงคุณภาพที่แท้จริงของผลิตภัณฑ์ และบอกกับคนอื่นๆ ได้อย่างเต็มปากว่า ผลิตภัณฑ์เฮ็ลธ์ฟูดส์นี้ดีจริงๆ
            3.
สั่งซื้ออุปกรณ์ส่งเสริมการขาย
            - การทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว ต้องมีอุปกรณ์ส่งเสริมการขายให้พร้อม เช่น เครื่องอัดเทป กล้องถ่ายรูป สมุดจดบันทึก นามบัตร โน๊ตบุ๊ค VCD มือถือ ผลิตภัณฑ์และแผนธุรกิจ ชุดสมัคร
          4.
เข้าร่วมการฝึกอบรมอย่างต่อเนื่อง
            -
ต้องเข้าอบรมรับความรู้ด้านผลิตภัณฑ์และแผนธุรกิจอย่างลึกซึ้ง
            -
ทุกครั้งที่มาร่วมประชุม ควรนำสมาชิกที่เป็นกลุ่มเป้าหมายเรามาด้วยเสมอ อย่ามาคนเดียว
          5.
แสดงภาพพจน์ที่ดีของความเป็นผู้นำ  
          -
ภาพพจน์ที่ดี เริ่มตั้งแต่บุคลิกภายนอกและภายใน เช่น การแต่งกาย ความคิดบวกไม่คิดลบ วาจา กิริยามารยาท การวางตัวและแก้ไขปัญหาต่างๆ
          6.
เรียบเรียงรายชื่อ
            -
เป้าหมายที่จะนำเสนอขาย คือใครก็ได้ที่มีปัญหาสุขภาพ ปัญหาผิวพรรรณ ปัญหาทั่วไป อีกมากมาย
            -
เป้าหมายในการสปอนเซอร์
                        -
ผู้ตกงาน
                        -
ผู้ที่ไม่พอใจกับงานที่ทำอยู่
                        -
ผู้ที่ต้องการรายได้พิเศษ
                        - ผู้ที่ต้องการรายได้ที่ไม่มีขีดจำกัด
                        -
ผู้ที่ต้องการอิสรภาพทางด้านเวลา
                        -
ผู้ที่กำลังจะเกษียณอายุ
                       

 - ผู้ที่ต้องการประสบความสำเร็จและมีชื่อเสียงทางสังคม
                        -
ผู้ที่ต้องการมีธุรกิจเป็นของตนเอง
                        -
ผู้ที่ประสบปัญหาหรือล้มเหลวในธุรกิจขายตรงอื่นๆ มาก่อน
                        -
เขียนรายชื่อไว้สัก 100 คน และเรียงจากคนที่ใกล้ตัวเรามากที่สุดก่อน          

            7.
การนัดหมาย
            -
ควรนัดเพื่อนที่สนิทก่อน
            -
นัดไปร่วมประชุมกับบริษัท เพราะจะได้เห็นบรรยากาศและความมั่นคงของบริษัท จะได้สร้างความเชื่อมั่นในธุรกิจมากขึ้น
            -
นัดหมายคุยตัวต่อตัว
            -
พยายามรู้ข้อมูลลูกค้าให้มากที่สุด เพื่อง่ายต่อการเจาะใจลูกค้า เช่น สถานภาพทางครอบครัว สถานภาพทางการเงิน สุขภาพและนิสัยใจคอ ฯลฯ
            -
นัดหมายครั้งแรก อย่าเพิ่งหวังอะไรหรือต้องการผลตอบแทนจากเขาทันที
            -
ก่อนถึงเวลานัดพบให้โทรยืนยันอีกครั้ง เพื่อป้องกันความผิดพลาด
          8.
เปิดโอกาสทางธุรกิจ
            -
นำเสนอโอกาสทางธุรกิจอย่างสม่ำเสมอต่อเนื่อง 3 เดือนแรกอย่างน้อย 4-8 ครั้ง/เดือน ถ้าหวังผลมากขึ้นก็เพิ่มความต่อเนื่องอีกเท่าตัว
          9.
การติดตาม
            -
จุดประสงค์การติดตาม เพื่อเป็นการสนับสนุนให้เกิดแรงกระตุ้นและสนใจต่อธุรกิจมากขึ้น
            -
การติดตามจะต้องติดตามผลภายใน 3 วัน เป็นอย่างช้า เสมือนการตีเหล็กที่กำลังร้อนวิธี การติดตามที่ดีที่สุดคือ ต้องไปหากลุ่มเป้าหมายถึงบ้านและถือเป็นการให้เกียรติ ด้วยความกระตือรือร้นในตัวเรา จะเป็นแรงจูงใจอย่างดีในการตัดสินใจของกลุ่มเป้าหมาย
          10.
เปลี่ยนแนวคิดจากงานขายให้กลายเป็นนักบริหารเครือข่ายมืออาชีพ
            - ตั้งเป้าหมายในธุรกิจของเราให้ชัดเจน
            -
มีทัศนคติที่ดีเท่านั้น
            -
ประชุมทีมงานย่อยบ่อยๆ (House Meeting) อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้งและ (Center Meeting ) อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง
            - อย่าอายที่จะเลียนแบบผู้ที่จะประสบความสำเร็จ
            -
ยกย่องเพื่อนร่วมงานและแม่ทีมเสมอ
            -
อย่ากลัวที่จะถามแม่ทีม เพราะคิดว่าตนเองไม่เก่ง
            -
พูดถึงคนอื่นๆ ในแง่ดีเสมอ
            -
ขยันเข้าอบรมกับบริษัทบ่อยๆ พร้อมทั้งทีมงาน เพื่อเป็นการพัฒนาศักยภาพไปพร้อมๆ กัน
10 ข้อนี้แหละที่จะเปลี่ยนชีวิตคุณ

 ข้อคิดดีๆสร้างแรงบันดาลใจให้ตัวเอง
ฟ้ามิได้แบ่งยอดคนกับ คนธรรมดาออกจากกัน
ยอดคนจะปรากฏขึ้นเสมอแต่นั้นมิใช่เพราะ ฟ้ากำหนดการที่ "ยอดคน" ปรากฏขึ้นได้เพราะ เขาผ่านการ "ฝึกฝน" และ "เรียนรู้" ที่จะเป็นยอดคน
"
อัจฉริยะ" ไม่ใช่สัตว์ประหลาดที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ แต่เป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมา ไม่มีใครเก่งมาตั้งแต่เกิด คนเก่งได้นั้นต้องได้รับการฝึกฝนม้าดี ต้องมีคนขี่มาฝึกฝน” นักกีฬาที่ดีต้องมีโค้ชที่ดีมาฝึกฝน 
Don't Look Down Yourself.
จงอย่าคิดดูถูกตัวเอง อดีตไม่สำคัญว่าเราเป็นใคร สำคัญที่ว่าวันนี้เราต้องการเป็นใคร จงเคารพนับถือในความสามารถของตัวเอง ยกย่องและให้เกียรติตัวเอง สมองของคนเราเหมือนพื้นดินที่ว่างเปล่า เมื่อเราปลูกอะไรลงไปเราก็จะได้ผลเป็นอย่างนั้น ... จงปลูกฝังแต่สิ่งดีๆ ลงไปในสมองคำพูดใดๆ ที่เราเคยได้ยินซ้ำๆ ซากๆ เกิน 37 ครั้ง มันจะกลายเป็น "อุปนิสัย" ของเราทันที สิ่งที่น่ากลัวที่สุดในโลกคือ "สิ่งแวดล้อม" อย่าปล่อยให้ความคิด หรือคำพูดของคนบางคนมาตัดสินชีวิตของเรา ในโลกนี้ไม่มีใครมีอิทธิพลกับตัวเราเอง นอกจากตัวเราเอง
ชีวิตไม่ใช่เกมส์กีฬา ไม่มีเวลาพักครึ่ง ไม่มีการขอเวลานอก และที่สำคัญคือเปลี่ยนตัวผู้เล่นไม่ได้ไม่มีใครเกิดมาล้มเหลวมีแต่ ล้มเลิก
คนฉลาด.. ต้องโง่เป็น คนโง่ไม่เป็น..จะไม่มีทางฉลาด เพียงพวกเราคิดว่าเราทำได้ เราก็ทำได้ตั้งแต่ที่เราคิด แต่หากเราคิดว่าเราทำไม่ได้
เราก็ทำไม่ได้ตั้งแต่ที่เราคิด สิ่งที่เลวร้ายที่สุดของมนุษย์ คือ ความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ทางจิต ที่ตอกย้ำตัวเองว่า .. ทำไม่ได้
แม้แต่ "คิด" ยังไม่กล้าที่จะคิด แล้วชีวิตจะประสบความสำเร็จได้อย่างไร?
จงกล้าที่จะเผชิญความล้มเหลว.. ความล้มเหลวคือครูที่ทดสอบตัวเรา If you want to have success, you have no choice. ถ้าคุณต้องการความสำำเร็จ คุณต้องไม่มีข้อแม้
มนุษย์ คือจุดศูนย์กลางของเส้นรอบวงที่ไม่มีขีดจำกัด .. ทำไม? มนุษย์เหมือนกันจึงประสบความสำเร็จไม่เท่ากัน นั่นเป็นเพราะ มนุษย์แต่ละคนได้รับโอกาสทางความคิดที่แตกต่างกัน คนสำเร็จมองปัญหาเป็นโอกาส คนล้มเหลวมองโอกาสเป็นปัญหา คนสำเร็จจะปรับตัวเองไปหาโลกภายนอก คนล้มเหลวจะให้โลกภายนอกปรับตัวเข้าหาตัวเอง Team work is less ‘E-GO’ and more ’WE GROW’ ทีมเวิร์คจะไม่มีการทำเพื่อความต้องการส่วนตัว มีแต่ทำให้พวกเราได้มากกว่า

คนสำเร็จระดับผู้บริหาร เป็นผู้นำขององค์กรต่างๆ ในโลกนี้ กว่า 85% ทั่วโลกล้วนแล้วแต่มิใช่คนเก่ง แต่เป็นคนดีทั้งสิ้น คนเก่ง.. มักจะมี ‘อัตตาจะไม่ยอมปรับตัวเข้าหาโลก ไม่รับฟังความคิดเห็นของคนอื่น ไม่ยอมรับการพัฒนา..ความรู้ และสิ่งใหม่ๆ ปกครองคนไม่ได้’  คนเก่ง..ใช้เวลา 2-3 ปี ก็สอนให้เก่งได้ .. แต่.. คนดีต้องใช้เวลา ชั่วชีวิตสอนกัน คนเก่งมักจะขาดความจงรักภักดี ไม่มีความกตัญญู  "ความรู้" เป็นเพียง "พลังอำนาจแฝง" ชนิดหนึ่งเท่านั้น "ความรู้" จะกลายเป็น "พลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่" ได้ก็ต่อเมื่อมันถูกนำไปใช้อย่างชาญฉลาดเท่านั้น การฟัง..แต่..ไม่ได้ยิน ได้ยิน..แต่..ไม่เข้าใจ เข้าใจ..แต่..ไม่ลึกซึ้ง ลึกซึ้ง..แต่..ไม่แตกฉาน แตกฉาน..แต่..นำไปใช้ไม่เป็น !!!
จงนำศักยภาพและอัจฉริยภาพที่ซ่อนเร้นในตัวเรา มาใช้อย่างชาญฉลาด 
" แม้ไม่ได้ทุกอย่างที่หวังไว้
ก็มั่นใจในคุณค่ามหาศาล
หนึ่งส่วนจากเศษฝันเมื่อวันวาน
อาจสร้างงานเกียรติยศปรากฎไกล..."
...........................................
ถ้าหากว่าเราเอาใจใส่ต่อสิ่งที่เราจะทำอย่างจริงจัง
คิดถึงมัน  ฝันถึงมัน  และเอาใจใส่จดจ่อในสิ่งนั้น อยู่อย่างสม่ำเสมอแล้ว
ก็ไม่มีสิ่งใดในโลก ที่จะกีดขวางมิให้ท่านประสบความสำเร็จในกิจการนั้น ๆ ได้
***************************
" ความอดทนแม้จะเป็นสิ่งที่ขมขื่นแต่ผลของมันมักจะหวานชื่นเสมอ "
...........................................
" ความฉลาดในการดำเนินชีวิต คือ การยอมอดทนในสิ่งที่จำเป็นต้องทน "
*************************
คนที่ทำได้  คือ คนที่เชื่อว่าเขาทำได้
โดยมิได้คำนึงถึงคำว่า "เป็นไปไม่ได้"
*********************
"ความกล้าหาญ  คือ การหมิ่นแคลนต่อความตาย และความเจ็บปวด"
**************** 
ความสำเร็จย่อมเป็นของคนที่ใช้ความพยายาม
ถ้าไม่มีอะไรที่จะต้องเสียหายแต่ได้ประโยชน์ทุกทาง
ด้วยการใช้ความพยายาม...
ก็จงพยายามให้ถึงที่สุด
**********************
ไม่มีสิ่งใดที่ได้มาโดยไม่มีการลงทุน
แต่หากเราเห็นคุณค่าของสิ่งที่เราทำ และปรารถนาความสำเร็จ
เราต้องยอมจ่ายราคาในสิ่งนั้น
การที่ต้องอดทนในสิ่งใดนั้น...เราอาจต้องจ่ายราคาหลายอย่าง
อาจเป็นการสูญเสียความพึงพอใจ
สูญเสียความเป็นส่วนตัว ต้องยากลำบาก เสียเวลา ความคิด แรงกาย และแรงใจ
แต่หากสิ่งที่แลกมา   คือความมีคุณค่าและความสำเร็จ
การนั้นก็ควรค่าแก่ราคาที่ได้จ่ายไปกับความอดทนนั้น
***********************
" เคล็ดลับของความสำเร็จ และความก้าวหน้า คือ
กอบกู้บางสิ่งบางอย่างจากการปราชัยทุกครั้ง
********************
การจะกระทำการสิ่งใด ๆ ก็ตาม
เราควรทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจ อย่างสุดความสามารถ
และกระทำการในสิ่งนั้นให้ดีที่สุด...จนสุดกำลังของเรา
***********************
ในการทำสิ่งใด ๆ นั้นเราไม่อาจก้าวพรวดเดียวถึงจุดสุดยอดได้
และไม่มีใครที่โชคดีประสบความสำเร็จได้ตลอดกาล
ในโลกนี้...ไม่มีคนที่ประสบความสำเร็จคนใหนที่ไม่เคยพ่ายแพ้มาก่อน
หากเราไม่รู้จักวางตนและปฏิบัติตนต่อความพ่ายแพ้ได้อย่างถูกต้อง
ก็ไม่มีทางที่จะพุ่งขึ้นสู่จุดสูงสุดหรือประสบความสำเร็จในชีวิตได้...
********************************************
คำว่า  พากเพียร  นั้น  หมายถึง การกระทำที่สม่ำเสมอ
 ทำไปทีละน้อย   ตามสมควรแก่กำลัง...แต่ไม่หยุด
เพราะทุกอย่างที่เป็นไปโดยสม่ำเสมอย่อมมีกำลังแรงเกินกว่าที่เรานึกฝัน
นำที่ใหลอยู่ไม่ขาดสาย..ย่อมทำให้ก้อนหินกลมมน
ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมพ่ายแพ้แก่ความพยายามที่สม่ำเสมอ
ค่อยทำไปทีละน้อยแต่ทำไม่ลดละ...
********************************
ถ้าท่านไปตรง ๆ ไม่ได้  ก็จงไปทางอ้อม
และถ้าท่านไปข้างบนไม่ได้  ก็จงไปข้างล่าง
อย่ายอมแพ้ง่าย ๆ  เป็นอันขาด
อุปสรรคแค่ไหน ก็ไม่หวั่น
คืนและวันจะโหดร้าย สักเพียงไหน
ร้อยและพัน ปัญหาจะฝ่าไป
เพียงมีเธอ ยิ้มให้ ที่ปลายทาง


บทพิสูจน์ความแกร่ง แห่งเพชรแท้
ความแน่วแน่ที่จะไป...ให้ถึงฝัน
จะย่อท้อหวั่นไหว ทำไมกัน
หวังและวันแห่งเส้นชัย...ไม่ไกลเกิน

ลมหายใจมีไว้ให้ความหวัง
สร้างพลังดวงจิตอย่าคิดถอย
อย่าอยู่อย่างชีวิตที่เลื่อนลอย
โหยละห้อยเสียกาลและเวลา
อุปสรรคเข้าเผชิญจงเดินสู้
ยอมรับรู้ด้วยใจที่อาจหาญ
ตรึงและตรองแก้ไขอย่านิ่งนาน
รีบประสานเข้มแข็งด้วยแรงใจ


ทางข้างหน้าลางเลือนเหมือนว่างเปล่า
แดดจะเผาผิวผ่อง เธอหมองไหม้
ที่ตรงนั้นมีหุบเหว มีเปลวไฟ
ถ้าอ่อนแอจะฝ่าไป อย่างไรกัน

วันที่เหนื่อยหน่ายอ่อนล้า
ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใครคนไหน
ลองนึกย้อนถึงความอาทรห่วงใย
กับความสนุกสดใสที่ผ่านมา

ขอชีวิตงดงามตามที่ฝัน
ขอทุกวันเป็นวันอันสดใส
ขอทุกก้าวคือก้าวที่มั่นใจ
ขอวันใหม่ก้าวไกลไปกว่าเดิม

ถ้าล้มจงลุกอย่าทุกท้อ
จงสานต่อความฝันอันยิ่งใหญ่
แม้วันนี้ไม่มีสิทธ์พิชิตชัย
ก็ยังมีวันใหม่ให้ท้าทาย

อนาคตยังอีกไกล
ฝันไว้อย่างไรขอให้ไปให้ถึง
ในยามท้อยังมีเราอีกคนหนึ่ง
เราคนนี้ซึ่งคอยให้กำลังใจ
แต่ละคนต่างก็มีฝัน
จะต่างกันก็ตรงที่จุดหมาย
สิ่งที่ฝันใช่ว่าจะไปถึงได้ง่ายดาย
ยังต้องการกำลังใจจากหลายคน

จากบ้านนอก คอกนา มาเมืองหลวง
เด็กท้องทุ่ง หน้าใสก่วงมีความหวัง
สู้ชีวิต ไปพลาง ๆ ตามลำพัง
พรุ่งนี้มั๊ง ตัวข้า...จะคว้าดาว

เหนื่อยบ้างไหมที่เดินมาถึงวันนี้
อาจอ่อนล้าเบื่อบ้างเป็นบางที
อย่าท้อเลยคนดีขอให้ทน
อนาคตสดใสในภายหน้า
กำลังมาตามเวลา อย่าสับสน
แม้อาจเคยผิดหวังกับบางคน
จะผ่านพ้นไปได้ในสักวัน
อนาคตเป็นอย่างไร ใครจะรู้
แต่ให้สู้เพื่อไปสู่สิ่งที่ฝัน
แม้เวลาอาจพาใจให้ลืมกัน
สำหรับฉันไม่มีวันจะเปลี่ยนไป
หากเธอหาแห่งใดเป็นที่พึ่ง
ยามเมื่อถึงจุดหนึ่งซึ่งหวั่นไหว
ยังมีฉันคนนี้นะคนไกล
คนที่เป็นคนใกล้ทีไกลเธอ

ถึงเวลาแล้วคนดี
ที่ต่างคนต่างมีทางต้องไกล
อย่าเสียดายเวลารักษาจิตใจ
ให้เข้มแข็งกับสิ่งใหม่ที่ต้องเผชิญ

 
หากว่าเธอท้อแท้
หรืออ่อนแอในวันไหน
ฉันคนนี้จะขอเป็นกำลังใจ
ให้เธอตลอดไปนานเท่านาน

ด้วยสองมือสองเท้าที่ก้าวมั่น
จะสร้างฝันด้วยแรงอันแข็งขืน
จะคว้าจันทร์งาม ยามค่ำคืน
จะหยัดยืนปีนไปให้ถึงดาว

คนที่มองโลกในแง่ดี..
ย่อมเห็นโอกาสในทุกยามที่เกิดวิกฤต
คนที่มองโลกในแง่ร้าย..
ก็ย่อมเห็นแต่วิกฤตในทุกโอกาส

หากเราเปิดประตูออกไปแล้วมองเห็นทางเดินแต่เราไม่ได้ก้าวต่อ..
แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าเส้นทางนั้นมันสิ้นสุดตรงไหน


·         คนที่ฉลาด คือคนที่สร้างโอกาสได้มากกว่าที่เขาหามาได้
·         คนฉลาดจะไม่พูดถึงสิ่งที่เขาทำ แต่เขาจะไม่ทำอะไรที่พูดถึงไม่ได้
·         ฝันว่าได้ทำความดี ยังดีกว่าที่ได้ทำความชั่วด้วยตัวเองในเวลาที่ตื่น
·         ได้เพียงแค่ไข่ไก่วันนี้ ดีกว่าได้แม่ไก่ในวันพรุ่งนี้
·         เกมส์หมากรุกต้องใช้ความคิด เกมส์ชีวิตต้องคิดวางแผน
·         ต้องกล้าที่จะก้าว เพราะถ้าไม่กล้าก้าวเท้าเราก็จะอยู่กับที่
·         คนเราทราบว่าอะไรถูกต้องแต่ไม่อยากทำ ทราบว่าอะไรผิดแต่ก็อดทำไม่ได้
·         จงคิดเหมือนปราชญ์ แต่จงแสดงออกให้เหมือนสามัญชน
·         กิจกรรมที่ดีทุกอย่าง จะต้องเริ่มต้นด้วยความยากลำบากที่สุด
·         ยิ้มเป็นสิ่งที่ดีที่เรามีได้เสมอโดยที่ไม่ล้าสมัย
·         เราต้องหัดคิดนอกรอบบ้าง เพื่อที่จะได้มองเข้ามาในกรอบ
·         ถ้าอยากประสบความสำเร็จ จงคาดหวังคำวิจารณ์มากกว่าดอกไม้
·         ถ้าท่านไม่ยืนอยู่บนยอดเขา ท่านจะมองดูที่ราบได้ถนัดได้อย่างไร
·         ทำอะไรไม่ผิดเลย ก็คือไม่ทำอะไรเลย
·         ชาวตะวันออกมีชื่อแทนคำว่าอุบัติเหตุคำๆ นั้นคือคำว่าโชคชะตา
·         คนที่ไม่เคยหิว ย่อมไม่เคยซาบซึ้งรสของความอิ่ม
·         ชะตาฟ้าลิขิต ชีวิตเรากำหนด ความจนไม่ใช่กรรมพันธุ์
·         คำว่า เป็นไปไม่ได้ กับ ทำไม่ได้ มีอยู่ในพจนานุกรมของคนโง่เท่านั้น
·         คนไม่สามารถเป็นคนกล้าได้ ถ้ามัวแต่รอให้มีปาฏิหารย์เกิดขึ้น
·         ได้เป็นราชสีห์เพียงวันเดียวดีกว่าเป็นลูกแกะไปตลอดชีวิต

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น