วันจันทร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2558

เราจะแก้ไขความขัดแย้งในธุรกิจ MLM ได้อย่างไร


เราจะแก้ไขความขัดแย้งในธุรกิจ MLM ได้อย่างไร
1.
จัดระบบงาน ให้เหมาะสมตามภารกิจของแต่ละคน(แม่ทีม)ที่กำหนดไว้
กำหนดขั้นตอนการทำงานเป็นทีมไว้ให้ชัดเจน อย่าให้เกิดปัญหารอยต่อ โดยเฉพาะงานบางอย่างที่เป็นการทำงานกลุ่มต่อเนื่อง ? เมื่อเกิดปัญหาขึ้นมาให้ไล่หรือตรวจสอบระบบความรับผิดชอบแทนการไล่เบี้ยหรือตรวจสอบการจับผิดจากลูกทีมอย่างนี้ ก็พอจะช่วยป้องกันการกระทบกระทั่ง หรือความขัดแย้งที่อาจจะมีต่อกันลงได้
2.
จัดให้มีเวทีกลาง สำหรับการปรึกษาหารือ
การประชุมระดับแม่ทีมของฝ่ายงานต่างๆ เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทุกๆ ทีมงาน ไม่ว่าจะเป็นทีมงานนั้นจะใหญ่ขนาดใดก็ตาม ทั้งนี้ก็เพื่อจะเปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายได้นำปัญหา และอุปสรรคที่เกิดขึ้นในแต่ละรอบเวลา เช่น ทุกสัปดาห์หรือทุกเดือน มาปรึกษาหารือกัน การได้ปรึกษาหารือโดยมีแม่ทีมผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายเข้าร่วม นับเป็นโอกาสที่แต่ละฝ่ายจะได้ชี้แจงถึงข้อจำกัดหรือเหตุแห่งปัญหา เมื่อที่ประชุมรับฟังแล้ว ก็มาช่วยกันหาข้อสรุปและวางแนวทางที่จะนำไปสู่การแก้ไขที่ทุกฝ่ายยอมรับได้ จากนั้นต่างคนต่างก็ลงมือแก้ไขในส่วนที่เกี่ยวข้องกับตนต่อไป
3.
เข้าคลี่คลาย และแก้ไขความขัดแย้ง
หากเป็นความขัดแย้งระหว่างลูกทีม หรือไม่ว่าจะเป็นความขัดแย้งระหว่างแม่ทีมระดับเดียวกันหรือต่างระดับ คือ แม่ทีมกับลูกทีมที่ไม่ถูกโฉลก ไม่กินเส้น ความขัดแย้งจากเนื้องานขยายลามไปสู่ความขัดแย้งระหว่างบุคคล จำเป็นต้องได้รับการแก้ไขโดยเร็ว โดยเราจำเป็นต้องเรียกทั้ง 2 ฝ่ายมาพูดคุยในห้องที่มีความเป็นส่วนตัว ในฐานะผู้มีหน้าที่แก้ไขความขัดแย้ง เราจะต้องรู้จักบุคลิกลักษณะนิสัยของคนทั้งสอง ทำใจให้เป็นกลาง ให้พูดทีละฝ่ายโดยขณะที่อีกฝ่ายพูด อีกฝ่ายต้องนิ่งฟัง อย่าปล่อยให้แสดงความเห็นโต้แย้งในขณะที่อีกฝ่ายยังพูดไม่จบ เราต้องฟัง-คิด-วิเคราะห์-หาสาเหตุของความขัดแย้ง ความ ขัดแย้ง มักจะมาจากความเข้าใจผิด และมาจากอารมณ์ ที่สำคัญหลายๆ เรื่องหลายๆ ปัญหามาจากการ ? ฟังคนอื่นมา' ดังนั้น ไม่ว่าเราจะอยู่ในฐานะของผู้อยู่ในวงแห่งความขัดแย้ง หรือในฐานะผู้แก้ไขปัญหา กุญแจที่จะแก้ไขปัญหาทั้งหลายล้วนอยู่ที่ ? ใจ' คนทำธุรกิจ MLM ต้องมีความใจกว้าง รู้จักเสียสละ เข้าใจคน พร้อมให้อภัย และแบ่งปันให้การช่วยเหลือคนอื่นๆ เสมอในทุกด้าน ถึงจะเป็นคนที่ดีมีคุณภาพได้อยู่ในธุรกิจนี้นาน

การพัฒนาผู้นำที่เปรียบเสมือนการลงทุนเพื่อความสำเร็จ 

จาก ความเปลี่ยนแปลงและความท้าทายที่ผู้บริหารองค์กรทั้งหลายต่างต้องเผชิญอยู่ ในปัจจุบันนี้ เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่าเราต้องการมีผู้นำที่เข้มแข็งและมีการสืบทอดตำแหน่งที่ มีประสิทธิภาพประโยชน์ที่จะได้รับจากการมีแผนพัฒนาผู้นำที่มีประสิทธิภาพ ได้แก่
การพัฒนาความสามารถในการแข่งขันของ ผู้นำ ทีม และเครือข่ายเอ็มแอลเอ็ม
สามารถแข่งขันเพื่อเพิ่มส่วนแบ่งตลาด, ยอดขาย, กำไร และเพิ่มมูลค่าสินค้าได้
มีผลการปฏิบัติงานที่ยั่งยืน
สร้างวัฒนธรรมการรักษาความพึงพอใจลูกทีม นวัตกรรมองค์กร การปรับปรุงและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และการปฏิบัติงานที่ยอดเยี่ยม
มีตัวตายตัวแทนที่มีเข้มแข็ง และมีแผนการสืบทอดตำแหน่งที่มีประสิทธิภาพ
องค์กรกลายเป็น แม่ทีมในอุดมคติซึ่งชนะสงครามแย่งชิงระดับหัวกะทิ
ได้กระจายอำนาจบริหารไปยังทุกลำดับชั้นในทีมงาน
  
แผนการพัฒนาภาวะผู้นำที่มีประสิทธิภาพ จะสร้างผู้บริหารที่มีความสามารถในการเป็นพี่เลี้ยงและช่วยพัฒนาภาวะผู้นำ ให้แก่องค์กร ซึ่งจะเสริมสร้างให้เกิดผู้นำในทุกระดับชั้นในองค์กร แต่ถึงกระนั้นในบางองค์กรก็มองว่าแผนการพัฒนาภาวะผู้นำเป็นเรื่องของรายจ่าย แต่ในสภาวะถดถอยเช่นนี้ เรื่องนี้อาจเป็นรายจ่ายที่องค์กรไม่พร้อมจะจ่าย แทบทุกคนในแวดวงเอ็มแอลเอ็มนี้สามารถตอบเป็นเสียงเดียวกันได้เลยว่า ในภาวะที่เศรษฐกิจไม่แน่นอนเช่นนี้ โครงการพัฒนาอบรมมืออาชีพ เอ็มแอลเอ็มขององค์กรมักจะเป็นรายแรกๆ ที่ไม่ได้ให้ความสำคัญ แต่ทราบหรือไม่ ในช่วงเวลาเช่นนี้ หากเป็นองค์กรที่ประสบความสำเร็จ พวกเขาจะไม่ตั้งคำถามเกี่ยวกับการอบรมในการพัฒนาภาวะผู้นำ เพราะพวกเขาตระหนักดีว่าการมีผู้นำที่เข้มแข็งในทุกระดับชั้นขององค์กรนั้น มีความสำคัญเสมอมา โดยเฉพาะเมื่อยามที่องค์กรต้องฟันฝ่ามรสุมเศรษฐกิจ
เพื่อตอบโจทย์เรื่องนี้ พวกเราจะต้องมีความเข้าใจถึงเรื่องของโปรแกรมการพัฒนาอบรมภาวะผู้นำ และทราบถึงวิธีการที่จะให้การอบรมนั้นจะนำมาซึ่งผลตอบแทนคืนมามากที่ สุด ดิฉันขอบกอว่า ของทุกอย่างที่สามารถนับได้อาจไม่ใช่ของที่สำคัญ และก็ไม่ใช่ว่าของทุกอย่างที่นับไม่ได้จะไม่สำคัญ”  ดิฉันหมายความว่า สิ่ง ที่จับต้องได้ทุกอย่างไม่จำเป็นต้องเป็นสิ่งสำคัญเสมอไป และสิ่งที่เรามองไม่เห็นจับต้องไม่ได้ ก็ใช่ว่าจะไม่สำคัญเสียทุกอย่างเช่นกัน ใครก็ตามที่พยายามจะตีค่าของการพัฒนาภาวะผู้นำหรือกิจกรรมการเรียนรู้ต่างๆ ให้ออกมาเป็นตัวเงินต่างตระหนักดีถึงความท้าทายที่แม่นยำ ตัวชี้วัดที่ง่ายที่สุดก็คือ รายรับที่เกิดขึ้นจากการทำงาน ขยายงานของลูกทีม สร้างทีมงานเป็น และแตกทีมแยกออกไปตามที่อื่นๆ อันเป็นผลจากภาวะผู้นำที่ดี การมีแผนการอบรมพัฒนาภาวะผู้นำที่มีประสิทธิภาพนี้ มักเป็นรากเหง้าของความสำเร็จได้


ดิฉัน ขอบอกถึงประโยชน์สำคัญ 4 ประการของการพัฒนาภาวะผู้นำต่อเอาไว้ ดังนี้
1. ช่วยสร้างองค์กรและสร้างตัวแทนของทีมงานที่เข้มแข็ง
2. พัฒนาประสิทธิผลและประสิทธิภาพของผู้บริหารทีมเอ็มแอลเอ็มทั้งหลาย
3. เพิ่มความสำเร็จในการนำกลยุทธ์ทางธุรกิจเครือข่ายไปใช้
4. พัฒนาเรื่องการสื่อสารของระดับบริหารที่ดี
ดิฉัน ขอแนะเพิ่มว่า ภาวะความเป็นผู้นำในการทำงานร่วมกัน เป็นอีกความสามารถหนึ่งที่เริ่มมีความจำเป็นมากขึ้น ความสามารถในการก้าวข้ามลำดับชั้นของบริษัท สามารถเก็บเกี่ยวพวกหัวกะทิมาทำงาน และสร้างการประสานพลังในการทำงาน เป็นอะไรที่ตีมูลค่าไม่ได้เลย แม่ทีมที่มีประสิทธิภาพจะเคารพขอบเขตของหน่วยงานและลำดับชั้นการบริหารในทีม แต่ว่าจะไม่ยอมมาให้เป็นกำแพงกั้นความสำเร็จโดยเด็ดขาด
การสอนงานเพื่อให้ได้ผลปฏิบัติงานสูงสุด เป็นอีกทักษะหนึ่งที่แม่ทีมจะต้องมี หากต้องการพัฒนาพนักงานที่มีศักยภาพสูงและให้ได้ผลการปฏิบัติงานและผลลัพธ์ ทางธุรกิจสูงสุดที่ต้องการ การสอนงานจะให้โอกาสกับแม่ทีมในการเข้าไปลงมือปฏิบัติและรับผิดชอบในการ พัฒนาลูกทีมของพวกเราเป็นการส่วนตัว และการสร้างความสามารถที่จะพาไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดีให้เกิดขึ้น เป็นอีกความสามารถหนึ่งที่ไม่สามารถปล่อยให้แค่เฉพาะแม่ทีมระดับบนทำเท่า นั้น เพราะไม่ว่าความเปลี่ยนแปลงใดๆ จะเกิดขึ้น ผู้คนทั้งองค์กรต่างก็จะต้องได้รับผลกระทบทั้งสิ้น ดังนั้น แม่ทีมในทุกระดับชั้นจะต้องสามารถเป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลงได้ โดยทั่วไปแล้วแม่ทีมระดับบนจะเป็นผู้ให้การสนับสนุนการเปลี่ยนแปลง แต่เวลาที่จะลงมือทำจริงๆ นั้น ก็จะเป็นเรื่องของระดับล่างๆ ลงไป ดังนั้นสิ่งที่จำเป็นคือต้องมีเครือข่ายของแม่ทีมที่เข้มแข็ง มีทักษะที่จะสามารถนำพาความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ไปยังทุกระดับชั้นได้ และ แน่นอน เมื่อมีอะไรหลายต่อหลายอย่างเกิดขึ้นในธุรกิจนี้ ทักษะในการสื่อสารสิ่งที่ทีมงานต้องการจะสื่อจะแสดงให้เห็นถึงความแตกต่าง ระหว่างลูกทีมที่สับสน และเริ่มหมดความผูกพันเพราะขาดความเชื่อมั่นหรือเกิดความสับสน กับทีมงานที่มุ่งมั่นทุ่มเทให้กับบริษัท
ทั้งหมดเป็นสาเหตุที่ทำไมต้องมีภาวะผู้นำในธุรกิจเครือข่าย
จุดกำเนิดความสำเร็จ จากแรงบันดาลใจ กลาย เป็นแรงผลักดัน จากที่อ.ได้อ่านเรื่องราวของผู้ประสบความสำเร็จมาหลายคน ที่มาจากธุรกิจประเภท MLM ,ธุรกิจขายตรง รวมถึงธุรกิจประกัน อ.พบว่าสิ่งที่เหมือนๆกัน คือ ความเชื่อมั่นในสินค้านั้นสูงมาก สูงมากพอที่จะใช้คำว่าศรัทธา สิ่งนี้เองที่ทำให้อ.สงสัยว่า เหตุใดคนหนึ่งคนจึงสามารถเชื่อในสิ่งนั้นได้มากขนาดนั้น  จากผลลัพธ์ของการใช้สินค้า จากการได้พบเห็นผู้ที่ได้รับผลดีจากสินค้าที่พวกเขาแนะนำ(ขาย) จากความรู้สึกดี ก็ได้กลายมาเป็นความมั่นใจในสินค้า ยิ่งพวกเขาเหล่านั้นพบประสบการณ์ของผู้ที่ได้รับผลดีมากเท่าใด พวกเขาก็ยิ่งมั่นใจขึ้นมาก จนเชื่อ และภูมิใจในสิ่งที่พวกเขาทำ
บุคคล ที่ประสบความสำเร็จเหล่านั้น แม้จะได้รับคำปฏิเสธจากผู้คาดหวังที่จะเป็นลูกค้า แต่พวกเขาก็เชื่อว่า การที่บุคคลเหล่านั้นปฏิเสธ นั่นเป็นเพราะพวกเขายังไม่เปิดใจ ยังไม่เข้าใจในสินค้า และระแวงว่าพนักงานขายเหล่านั้นจะมาหวังผลประโยชน์จากตัวเขา แต่บุคคลที่ประสบความสำเร็จเหล่านั้น ก็เชื่อว่า วันใดกลุ่มคนเหล่านั้น หรือคนรอบข้างของพวกเขา พบปัญหา และหากพวกเขาหาทางออกไม่พบ พวกเขาจะคิดถึงเรา และจะเปิดใจฟังสิ่งที่เราบอกกล่าวกับเขา และด้วยความที่ไม่มีอะไรจะเสียของกลุ่มบุคคลที่มีปัญหา พวกเขาจึงมีความกล้ามากขึ้นที่จะลองเสี่ยงกับสินค้าที่นำเสนอ และหากมันใช้ได้จริง บุคคลเหล่านั้นจะกลายมาเป็นผู้ศรัทธาที่แรงกล้า มากกว่าคนทั่วไปเสียอีก บุคคลที่ประสบความสำเร็จนั้น จะไม่มานั่งท้อใจกับคำปฏิเสธของลูกค้า เพราะพวกเขาเชื่อว่า สินค้านั้นดีจริง เขาเพียงแต่บอกกล่าว เผยแพร่ความเชื่อของเขาไปยังผู้อื่น โดยหวังว่าจะพบบุคคลที่ได้รับประโยชน์จากสินค้าของเขา เช่นเดียวกับที่เขาเคยได้รับ และสายฝนที่ชโลมจิตใจของพวกเขาไม่ให้หมดกำลังใจก็คือ การพบผู้ได้รับประโยชน์จากสินค้าเหล่านั้น เป็นระยะๆ และจะพบมากขึ้น หากพวกเขาพบกับผู้คนมากขึ้น ซึ่งมันเป็นไปตามหลักของสถิติ
จากความ เชื่อมั่นในสินค้า จากการได้พบเห็นภาพ ปิติยินดีของผู้ที่ได้รับประโยชน์จากสินค้า พวกเขาจึงยังคงพยายามต่อไป และต่อไป  ผิดกับบุคคลที่มีแรงบันดาลใจจอมปลอม ซึ่งบุคคลเหล่านี้ จะยึดถือผลประโยชน์ที่จะได้รับ พวกเขาเชื่อหลักสถิติเช่นเดียวกัน ยิ่งพบลูกค้ามาก ก็ยิ่งพบผู้ที่จะให้ผลประโยชน์กับพวกเขามากขึ้นเช่นกัน พวกเขาเหล่านั้น ยังคงไม่ย่อท้อ เพราะพวกเขามีแรงผลักดันจากความโลภ ช่วยค้ำจิตใจ แต่สิ่งเหล่านี้มันไม่ยั่งยืน เพราะบุคคลที่พวกเขาชักชวนเข้ามา ไม่ได้มีศรัทธาแรงกล้า เมื่อได้รับการปฏิเสธ ก็จะท้อถอยอย่างง่ายดาย ดังนั้นเครือข่ายที่พวกเขาสร้างขึ้นก็จะค่อยๆถล่มทลายพังลงมา
สรุปแล้วในธุรกิจประเภทนี้นั้น บุคคลที่ประสบความสำเร็จ จะต้องวัดกันด้วยความยั่งยืนของความสำเร็จของพวกเขา และ สำหรับบุคคลทั่วไป หากจะตัดสินใจทำธุรกรรมอะไรกับพวกเขา ขอให้เราตัดสินใจบนพื้นฐานของประโยชน์ที่เราจะได้รับ และต้องควบคุมสติของเราให้ดี อย่าให้ความโลภกำเริบ แต่อย่าปิดโอกาสที่จะรับฟังพวกเขา เพราะไม่แน่ว่าสิ่งที่พวกเขานำเสนออาจเป็นสิ่งที่ดีจริงก็ได้ เหมือนๆ ธุรกิจประกันในอดีตที่เรารังเกียจกันมาก แต่ปัจจุบันเราทำประกันกันง่าย แม้เราอาจจะไม่ต้องการประกันความเสี่ยง แต่อย่างน้อยเราก็นำสิ่งนี้ไปลดหย่อนภาษีได้ หากเราปิดหูที่จะฟัง โอกาสต่อาจจะหลุดลอยไปจากเราโดยไม่รู้ตัว….
นลินรัตน์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น