วันจันทร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2558

MLM คือ โอกาส หรือ หลุมพราง

 MLM  คือ โอกาส หรือ หลุมพราง 

เพื่อนดิฉันหลายคนที่เคยมาชักชวนให้ดิฉันไปฟัง ธุรกิจ MLM ซึ่งช่วงก่อนอายุ 20  ปี  ดิฉันต่อต้านมาก และปฏิเสธทุกคนที่เข้ามาชักชวน  แต่หลังจากที่ตัวเองค้นพบในการลงทุนทำธุรกิจส่วนตัวที่ดีนั้นควรเป็นอย่างไร อ.เข้าใจดีเกี่ยวกับความล้มเหลวในการลงทุนทำธุรกิจเป็นอย่างดี ทำให้จิตใจดิฉันเปิดกว้างมากขึ้น  จนมีโอกาสได้เข้าฟังธุรกิจ MLM  หลายครั้ง แต่ยังไม่เคยสมัครเป็นสมาชิก เนื่องจากเรามีความไม่ไว้วางใจในหลายๆอย่าง จนวันหนึ่ง ดิฉันนึกถึงเพื่อนเก่าสมัย ม.ปลาย ซึ่งเป็นคนที่ทำธุรกิจ MLM มาประมาณ 5 กว่าปีแล้ว ทำตั้งแต่สมัยเรียน  เมื่อดิฉัน โทรไปหา พบว่าเพื่อนคนนี้ได้ก้าวขึ้นมาเป็นระดับสูงพอสมควร  มีรายได้ไม่ต่ำกว่าแสนในแต่ละเดือน ดิฉันจึงทำการนัดหมายเขา และทำการสัมภาษณ์เพื่อนดิฉันทั้งวัน จนมีความเข้าใจในหลายๆสิ่ง  และจากผลการสัมภาษณ์เพื่อนดิฉันคนนี้ ทำให้ดิฉันได้ข้อสรุปของ บุคคลที่จะประสบความสำเร็จ ในธุรกิจ MLM  คือ  บุคคลที่มีความจริงใจกับลูกค้า และสอนทีมงานให้คิดเป็นและมีมุมมองประมาณนี้ คือ
1. 
การแนะนำลูกค้า  เราจะต้องคิดเหมือนลูกค้า  ต้อง ทำให้ลูกค้าเข้าใจ ถึงความคุ้มค่าในการซื้อสินค้า ขยายความคือ สินค้าของธุรกิจ MLM มักราคาแพงในเชิงของราคา แต่ในเชิงความคุ้มค่าแล้ว  มักจะคุ้มค่ากว่า สินค้าทั่วไป  หากผู้ขายเองไม่เคยทดลองใช้ ไม่เคยเก็บข้อมูลการใช้ด้วยตนเองแล้ว จะไม่มีวันทราบเลยว่า  สินค้านั้นคุ้มค่ากับลูกค้าของเรา
2.
สินค้าใด หากเราไม่เคยใช้ เราไม่มั่นใจ เราจะไม่นำเสนอ แต่หากลูกค้าสนใจเอง และตัดสินใจซื้อจาก catalog นั่นก็เป็นสิทธิของลูกค้า
3.
เราต้อง focus สินค้าที่เรามีความชำนาญ และ ถ่ายทอดความรู้ของเราไปให้กับทีมงานฟัง สอนกระบวนการสะสมความรู้ในสินค้า และสอนกระบวนการพิสูจน์ความคุ้มค่าของสินค้าให้กับทีมงาน เพื่อที่ทีมงานของเราจะได้ แนะนำสินค้า ให้กับลูกค้า ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
4.
คัดสรรทีมงานที่จะเข้ามาในองค์กร (เครือข่าย) ของตน อย่าง พิถีพิถัน เพราะหากเราไปหลอกเขามา เราจะเหนื่อย และเสียเวลาในการสอน  สู้คัดบุคคลที่มีความเชื่อมั่นในธุรกิจ เชื่อมั่นว่าธุรกิจนี้เป็นอนาคตของเขาจะดีกว่ากันมาก เพราะเขาจะดูแลลูกค้าเป็นอย่างดี ซึ่งจะทำให้องค์กรของเราเติบโตขึ้นอย่างมั่นคง (โดยส่วนใหญ่ผู้ที่ล้มเหลวในธุรกิจ MLM มักใจร้อน  ใช้วิธีชักชวนเข้ามาในเครือข่ายให้มากๆเข้าไว้ และสอนให้ใช้สินค้า ซึ่ง Up line ก็หวังประโยชน์จากการใช้สินค้าของ down line สุดท้าย down line ขายไม่เป็น  down line ก็ตาย  ไม่วาย up line ก็ตายตาม )
5.
ต้องสอนให้ทีมงานตกปลาเป็น  หมาย ถึง  ต้องสอนให้ทีมงานดูแล เอาใจใส่ลูกค้าเป็นอย่างดี แนะนำสินค้าที่ดีกับลูกค้า เมื่อชื่อเสียงเราดี ลูกค้าของเราก็จะขยายชื่อเสียงของเราให้เอง เราก็จะค่อยๆมีลูกค้ามากขึ้น  นั่นก็หมายถึง รายได้เราก็มากขึ้นด้วย  ( แต่หากใครคิดว่า จะมีรายได้มากโดยใช้เวลาสั้นๆนั้น เข้าใจผิด ส่วนใหญ่เป็นภาพลวงตา เพราะผู้ขายมัก จะขายคนรอบข้างแบบไม่ค่อยเข้าใจสินค้า  จึงทำให้เหมือนหลอกขายเพื่อน สุดท้ายต้องเสียเพื่อนอีก  …. นี่จึงเป็น ที่มาของ สาเหตุของชื่อเสียในธุรกิจ MLM)
6. 
เข้าฟัง Training อย่างต่อเนื่อง แต่ หูต้องหนักนะ  หมายถึง การเข้าฟัง Training จะช่วยให้จิตใจเราฮึกเหิมมากขึ้น และบางทีเราอาจเรียนรู้วิธีการใหม่ๆจากคนอื่นๆ แต่ในขณะเดียวกัน เราต้องไม่โลภ  อยากเลื่อนระดับเร็วๆ เพื่อหวังรายได้ที่มากขึ้น เพราะจะนำไปสู่ความคิดการ หลอกขาย และ การตุนสินค้า ซึ่งสิ่งเหล่านี้ จะนำไปสู่การเสื่อมขององค์กร ของคุณ
7.
ใจเย็น ไม่ต้องรีบร้อนโต แต่ให้ทำอย่างสม่ำเสมอ เพราะความใจร้อน มักสะท้อนความโลภ  จนลืมหลักการของผู้แทนจำหน่าย ซึ่งต้องจริงใจกับลูกค้า  และนำเสนอสิ่งที่คุ้มค่ากับลูกค้าเท่านั้น 
8.
ไม่ท้อแท้ง่าย ต้องอดทน  ธุรกิจ นี้มีคนไม่ชอบมาก และมีคนที่ไม่เข้าใจเรามากเช่นกัน ดังนั้นในช่วงแรก หากทนและอยู่รอดได้ จนมีลูกค้า จากหนึ่งเป็นสอง  จากสองเป็นสาม  เราก็จะมีรายได้เพิ่มขึ้น
9. 
ควรเริ่มทำตั้งแต่อายุน้อยๆ เพราะ ว่า บุคคลหลายคนที่ต้องรีบร้อนโต เพราะตัวเองมีภาระมาก  ต้องใช้เงินมาก จึงคิดที่จะหลอกระบบ แต่หารู้ไม่ว่า นั่นคือ วิธีที่ผิด เพราะลืมพื้นฐานของตัวเอง เพราะลืมไปว่า รายได้ของเรานั้นมาจากการสอนทีมงานให้ดูแลลูกค้าของพวกเขาเป็น และมาจากการดูแลลูกค้าของเราเอง หากไม่ทำสองสิ่งนี้ มามั่วแต่จะหลอกระบบ สุดท้ายระบบก็ฆ่าเราเอง  ซึ่งหากเราเริ่มตั้งแต่สมัยเรียน ภาระไม่มี ก็จะไม่รีบร้อน ค่อยๆทำธุรกิจของเราไป  ค่อยๆโต  จบมาก็สมัครงานตามปกติ  ทำ MLM เป็น Part time จนรายได้มากพอ สักอายุ 25-30 ปี ก็ออกมาทำเต็มตัว ไม่ต้องมาทนนายบ่นว่าเช้าเย็น 

เคล็ดลับความสำเร็จพิเศษทั้ง 9 ข้อ ที่เพื่อนอ. ได้แนะนำนั้น อ.ฟังแล้วก็เหมือนธุรกิจทั่วไป แต่สิ่งที่อ.พบก็คือ ความเสี่ยงต่ำกว่า  ลงทุนน้อยกว่า  เคล็ดลับสุดท้ายที่เพื่อนอ.แนะนำ สำหรับมือใหม่  คือ จงอย่าปิดโอกาสตัวเอง จงก้าวเข้าไป และจงเลือกเฉพาะบริษัทที่น่าเชื่อถือได้  ที่ผ่านการพิสูจน์มาอย่างยาวนาน  เราก็จะปลอดภัย   หากเราควักยาก ไม่โลภมาก MLM ทำอะไรเราไม่ได้แน่นอน

ความเข้าใจผิดตั้งแต่แรกเกี่ยวกับ ธุรกิจเครือข่าย MLM  
และวิธีการสร้าง ธุรกิจเครือข่าย MLM  
ดิฉันขอเริ่มตั้งแต่ที่เราชอบเรียกว่า  แผนการตลาด  ของค่ายนี้ค่ายโน้น  จริงๆแล้วเป็น  แผนการจ่ายผลตอบแทนมากกว่า  ว่าเขาจะจ่ายเราเท่าไรเมื่อเราทำแบบนี้แบบโน้นได้  จริงไหม 
ส่วนแผนการตลาดจริงๆ  ก็คือวิธีการทำตลาดของเรา ผ่านโอกาสทางธุรกิจที่มีต่อบริษัท  ธุรกิจเครือข่าย MLM  ที่เราอยู่นั้นเอง
ส่วนเครือข่ายผู้บริโภคที่บริษัทต่างๆชอบพูดถึง  จริงๆก็คือเครือข่ายของสมาชิกผู้ทำธุรกิจ  ถ้าจะสร้างเครือข่ายผู้บริโภค สินค้าของบริษัทนั้นจะต้องดีจริงๆชนิดหาคู่แข่งไม่ได้
สินค้าของบริษัท ไม่ว่าจะเป็นบริษัทใดก็ตาม  ม่เคยขายตัวมันเองได้   ต้องขายผ่านวิธีทำการตลาดของสมาชิกเท่านั้น  ถ้าไม่จริงบริษัทต่างๆก็ไม่ต้องมีสมาชิกสิ  ประกาศออกไปก็มีคนมาซื้อ
จริงๆแล้วไม่มีใครสมัครเพราะบริษัท หรือมีก็น้อยมาก  ถ้าไม่จริงวันๆก็น่าจะมีคนเข้าไปขอสมัครเป็นสมาชิกของบริษัทต่างๆเอง 
ที่นี้มาดูความผิดพลาดเกี่ยวกับการสร้างธุรกิจเครือข่าย MLM กันบ้าง
ธุรกิจเครือข่าย MLM  เป็นธุรกิจ  ฉะนั้น ธุรกิจต้องอยู่ได้ก่อนถึงจะอยู่ดี  จะอยู่ได้ก็หมายถึงแต่ละเดือนที่ทำธุรกิจต้องมีรายรับมากกว่ารายจ่าย ที่เรียกว่ารายเหลือ และรายเหลือควรจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจากพันเป็นหมื่นเป็นแสนเป็นล้านถึงจะเรียก ว่าธุรกิจเติบโต
เนื่องจากธุรกิจเครือข่าย MLM  เป็นธุรกิจ ฉะนั้นจึงควรเหมือนธุรกิจอื่นๆ กล่าวคือ  น่าจะหาผู้ที่สนใจสินค้าหรือธุรกิจด้วยความเต็มใจของผู้มุ่งหวังเองและผู้ มุ่งหวังก็ไม่จำเป็นจะต้องเป็น ญาติ เพื่อน หรือคนรู้จัก
-  ไม่ใช่ทุกคนเหมาะที่จะทำ ธุรกิจเครือข่าย MLM  เพราะผู้ที่จะทำธุรกิจเครือข่าย MLM ให้สำเร็จนั้น ในเบื้องต้น ควรจะมีจิตใจที่เป็นผู้ประกอบการหรือต้องการที่จะเป็นผู้ประกอบการ
-   เราทำธุรกิจเครือข่าย MLM ก็เพราะต้องการรายได้แบบ  Passive  Income   หมายถึงรายได้ที่เกิดขึ้นโดยเราไม่ต้องทำ  จริงๆแล้วควรจะเกิดจากเราสามารถสร้าง Passive Income ด้วยระบบของเราก่อน แล้วเราก็สอนให้ทีมงานสร้าง Passive Income แล้วเราก็จะได้  Passive Incomeที่มากขึ้นมากขึ้น จนเป็นรายได้แบบ  พหุคูณ แต่ที่ผ่านมาเรามักหวัง Passive Income  จาก   Active  Income  ของทีมงาน  จริงมั้ย !!!
การที่จะมีรายได้สูงๆใน ธุรกิจเครือข่าย MLM นั้น  ควรจะมาจากพื้นฐานแห่งความเป็นจริง กล่าวคือ  เราสามารถสร้างสมาชิกในเครือข่ายได้จำนวนมากพอและสมาชิกสามารถสร้างยอดขาย หรือยอดขยายได้และมากพอ ฉะนั้นการจะหวังว่าสมัครแล้วจะมีรายได้สูงๆเลยดูไม่สมเหตุสมผลเท่าไรสำหรับ คนทั่วๆไป
-   การที่ทั้งเราและทีมงานจะเกิด Passive  Income ก็หมายถึงต้องมีระบบทำงานแทนเราและเราก็ไปทำในส่วนที่ระบบยังทำแทนไม่ได้  และระบบที่ว่านี้ ทีมงานต้องสามารถใช้ได้และ COPY ได้ง่าย  และต้องมีประสิทธิภาพด้วย
ค่าดำเนินการทางธุรกิจเครือข่าย MLM ผู้ทำธุรกิจเป็นคนจ่าย  บริษัทไม่ได้มาจ่ายด้วย  จึงควรมีค่าดำเนินธุรกิจที่ต่ำ ยิ่งต่ำยิ่งดี   จึงจะเป็นโอกาสให้คนทั่วๆไปสามารถเข้ามาร่วมได้  แต่ที่เห็นคือการสมัครเป็นสมาชิกรวมทั้งค่าปิดรหัส  ก็มีให้เลือกหลายระดับ  แต่ค่าดำเนินการทางธุรกิจมักจะสูง  ไม่ว่าจะเป็น ค่าเดินทางไปประชุม ค่าติดต่อผู้มุ่งหวัง  ค่าการเรียนรู้  สื่อในการทำธุรกิจ  ต้นทุนในการสร้างทีมและอื่นๆ  ฯลฯ
แล้วทางออกในเรื่องนี้จะทำอย่างไร ?
จริงๆแล้วสิ่งที่เราต้องทำจริงๆคืออะไร                     
        1.  โปรโมทศักยภาพของธุรกิจเครือข่าย MLM
        2.  โมรโมทความเป็นผู้นำ
        3.  โปรโมทระบบที่เอื้อต่อความสำเร็จ
        4.  โปรโมทความสามารถในการทำการตลาด
        5.  โปรโมทสินค้า 
ในมุมมองของดิฉันจำเป็นอย่างยิ่งต้องทำแบบ ออนไลน์ ด้วยอีกทางหนึ่งครับ 
ข้อดีของการทำแบบออนไลน์
   -  มีรายชื่อไม่จำกัด
   -  ได้คนที่ต้องการสร้างธุรกิจจริงๆ
   -  ค่าใช้จ่ายต่ำ
   -  ขยายทีมได้ง่าย
   -  เป็นระบบ Auto  ( ทำงานเองตลอด 24 ชั่วโมง ) 
ข้อเสียของการทำแบบออนไลน์
   - คนส่วนใหญ่ไม่มีพื้นฐานด้านงานออนไลน์( คนไทย )
   - จะต้องรอทำระบบจนส่งผล
   - ไม่ค่อยมีบรรยากาศ
   - บริษัทส่วนใหญ่ไม่มีระบบเอื่อ
วิธีแก้ไข 
   - มีเว็บต้นแบบและมีห้องเรียนออนไลน์
   - มีระบบให้และมีรายได้ระหว่างรอระบบส่งผล
   - จัดประชุม ออนไลน์
   - เข้าร่วมกับบริษัทที่มีระบบออนไลน์ที่เอื้อ 
ถ้าเรามีระบบทั้งหมดที่กล่าวมานี้แล้ว เราจะสำเร็จในธุรกิจเครือข่าย MLM มั้ย ?
คำตอบคือยัง...................เพราะอะไรหรือ ? เพราะยังมีปัจจัยอื่นๆที่มีผลต่อความสำเร็จของเรา คือ ความมุ่งมั่นในการสร้างธุรกิจ
การยอมรับในการเรียนรู้และปรับตัวให้เข้ากับธุรกิจ การเรียนรู้และใช้ระบบอย่างมีประสิทธิภาพ การมีภาวะผู้นำ บริษัทธุรกิจเครือข่ายที่เราอยู่ว่ามีสิ่งต่างๆที่เอื้อต่อการเติบโตเช่น
     - สินค้า
     - ความมั่นคง
     - ความสามารถในการแข่งขันของบริษัท
     - แผนการจ่ายผลตอบแทน
     - ระบบสนับสนุนงานของบริษัท
     - นโยบายของบริษัท
     - วิสัยทัศน์ของบริษัท

     - การสนับสนุนจากทีมงาน เป็นต้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น